ช่วงวัยที่ต่างกัน เลือกซื้อประกันสุขภาพอย่างไรดี

เลือกซื้อประกันสุขภาพอย่างไรดี

ช่วงวัยที่แตกต่างกัน การเลือกซื้อประกันที่แตกต่างกัน มีเป้าหมายที่ต่างกัน เพราะเนื่องจากประกันสุขภาพจัดเป็นตัวช่วยที่ดีในการดูแลรักษาสุขภาพยามเจ็บป่วย เพื่อจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลได้ดีที่สุด การเลือกซื้อประกันสุขภาพจึงจำเป็นต้องเลือกแผนและรายละเอียดของความคุ้มครองให้ตรงความต้องการในแต่ละช่วงอายุ

การเจ็บป่วยจากโรคภัยต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจหลีกหนีได้ เพราะอาการเจ็บป่วยเราจะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเราจะป่วยเมื่อไร ดังนั้น การทำประกันสุขภาพจึงเป็นทางเลือกในการผลักภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากค่ารักษาพยาบาลได้ดีที่สุด การเลือกซื้อประกันสุขภาพจึงมีความจำเป็น ควรเลือกแผนและรายละเอียดของความคุ้มครองให้ตรงความต้องการในแต่ละช่วงอายุ เพื่อให้ตรงกับความต้องการในแต่ละช่วงวัยมากที่สุด

ช่วงวัยที่แตกต่างกัน ทั้งวัยเด็กกับผู้สูงวัย เราควรพิจารณาอะไรก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพอย่างไร

1. ระยะเวลาในความคุ้มครองที่แตกต่างกัน

1. ระยะเวลาในความคุ้มครองที่แตกต่างกัน

ช่วงวัยเด็ก คือ ช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี เป็นช่วงวัยที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรง ทำให้มีโอกาสเจ็บป่วยบ่อยและไม่สบายได้ง่าย เมื่อพอเริ่มโตขึ้นจนถึงอายุประมาณ 7 ปี การเจ็บป่วยจะเริ่มลดลงตามการเติบโตและมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น ดังนั้น ซึ่งจะเป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวังเพราะช่วงวัยนี้จะมีโอกาสเสี่ยงมาก ๆ ในการเจ็บป่วยบ่อย ไม่สบาย จึงทำให้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง คือ ในช่วง 6 ปีแรก

แต่ในทางกลับกันพอเริ่มมีอายุมากขึ้น โรคภัยก็จะเพิ่มสูงขึ้น เริ่มจากช่วงอายุประมาณ 45 ปีขึ้นไป ทำให้ต้องใช้เงินในการรักษาสุขภาพเพิ่มมากขึ้น บางคนอาจต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษาไปตลอดชีวิต และที่สำคัญในช่วง 2 ปีสุดท้ายของชีวิตจะเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่สูงมาก

2. ประกันแต่ละช่วงวัย ก็จะมีความคุ้มครองที่แตกต่าง

การซื้อประกันสุขภาพควรพิจารณาให้ครบทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ควรต้องมีงบประมาณในการรักษาให้พอเพียงกับค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้ง โดยพิจารณาจากช่วงอายุ โรคที่เป็น โรงพยาบาลที่ต้องการจะไปรักษา ค่าใช้จ่ายในการรักษาแต่ละครั้ง ค่าห้อง ค่าแพทย์ เป็นต้น

ความคุ้มครองในช่วงวัยเด็กควรมีตั้งแต่แรกเกิดและมีความคุ้มครองต่อไปเรื่อย ๆ จนโต แต่ในส่วนผู้สูงวัยควรมีประกันสุขภาพตั้งแต่ก่อนอายุ 45 ปี เพราะหากทางประกันมีการตรวจพบว่าเจ็บป่วยมีประวัติในการเข้ารับการรักษามาก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพ อาจส่งผลให้ไม่สามารถซื้อประกันในบางประเภทได้ หรือถ้าซื้อได้ก็อาจไม่คุ้มครองในโรคที่ตรวจพบก่อนที่จะมาซื้อประกัน ดังนั้นหากเราซื้อประกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะทำให้เราได้รับความคุ้มครองที่ครบถ้วนมากที่สุด

3. ค่าเบี้ยประกันของแต่ละช่วงวัยที่แตกต่าง

3. ค่าเบี้ยประกันของแต่ละช่วงวัยที่แตกต่าง

ค่าเบี้ยประกันจะแพงในช่วงตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี และจะมีการปรับลดลงในช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อเป็นช่วงวัยสูงอายุ ก็จะทำให้ค่าเบี้ยประกันจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงอายุ 65 ปีขึ้นไป จะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจาก ในผู้สูงวัยควรต้องมีประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง เพราะเป็นโรคร้ายที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการดูแลรักษา นอกจากนี้ทั้งสองวัยควรซื้อประกันอุบัติเหตุควบคู่ด้วย เพราะในทั้งสองวัยนี้มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย อุบัติเหตุนั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้และจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาอุบัติเหตุที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน

การมีประกันสุขภาพสามารถจัดเป็นตัวช่วยที่ดีในการดูแลรักษาสุขภาพยามเจ็บป่วย ดังคำกล่าว “เจ็บป่วยให้ประกันช่วยจ่าย” และยังเป็นการบริหารความเสี่ยงทางด้านการเงินเพื่อไม่ให้กระทบกับเป้าหมายทางการเงินด้านอื่น ๆ ที่ได้วางแผนเอาไว้ แต่ทั้งนี้ก็ควรพิจารณาเลือกซื้อแบบและความคุ้มครองให้เหมาะสมกับรายได้ด้วย

นอกจากค่าเบี้ยประกันสุขภาพ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยได้แก่ รักษาพยาบาลที่มีความหลากหลายประเภทมาก ๆ ทั้งแบบแยกค่าใช้จ่าย และแบบเหมาจ่าย ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำก็จะต้องพิจารณาข้อดีและข้อจำกัดให้รอบคอบ เพราะประกันสุขภาพทำความเข้าใจง่าย ๆ เพราะมีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย และคุ้มครองห้องเดี่ยวมาตรฐานของพยาบาล

อีกทั้งเรื่องของการนอนโรงพยาบาลแต่ละครั้ง ผู้ป่วยหรือญาติสามารถเลือกระดับห้องของโรงพยาบาลได้ตามสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้ เช่น 

  • ห้องราคาต่ำสุด ที่อาจเป็นห้องที่ต้องนอนรวมกับผู้ป่วยคนอื่น 2-6 คน 
  • ห้องเดี่ยวมาตรฐาน (ชื่อต่างกันในแต่ละโรงพยาบาล) ที่เป็นห้องส่วนตัวไม่ต้องนอนรวมกับผู้ป่วยอื่น โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับหนึ่ง ถือเป็นประเภทห้องเดี่ยวที่มีราคาต่ำที่สุดของโรงพยาบาลนั้นๆ 
  • ห้องเดี่ยวพิเศษอื่น ที่เป็นห้องส่วนตัว โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน เช่น เตียงขนาดใหญ่ขึ้นหรือเป็นเตียงไฟฟ้า ตู้เย็นขนาดใหญ่ขึ้น มีเตียงนอนสำหรับญาติผู้ป่วย เป็นต้น

ดังนั้นการวางแผนเกี่ยวกับประกันสุขภาพ เพื่อทำให้การเงินของเรานั้นจะวางแผนได้ง่ายมากขึ้น ไร้ความกังวลจากเรื่องความไม่แน่นอนจากเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องสุขภาพ อุบัติเหตุ เราก็จะมีการคนมาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษาทั้งหมดจนกว่าเราจะหายดี หรืออาจจะมีเงินชดเชยให้กับเราอีกด้วย หากเราต้องนอนพักในโรงพยาบาล หรือไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะอย่างไร การเลือกประกันสุขภาพ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องเลือกให้เข้ากับตัวเองมากที่สุด ไม่กระทบกับการเงินของเรามากจนเกินไป

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG