การเงินแบบไหนเรียกว่ามีสุขภาพทางการเงินที่ดี

สุภาพนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพร่างกาย สุขภาพใจของเราแล้วนั้น ก็จะเป็นสุขภาพทางการเงินที่เป็นเรื่องที่เราจะต้องดูแลไม่ต่างจากการดูแลสุขภาพร่างกายเลย เพราะสุขภาพทางการเงินที่ดีนั้นก็จะทำให้เรามีเงินใช้ตลอดชีวิต มีเงินใช้จ่ายในยามฉุกเฉินในช่วงวิกฤติ ดังนั้นการวางแผนทางการเงินที่ดีแล้วนั้น ก็จะต้องมีแนวคิดในเรื่องการมีสุขภาพทางการเงินที่ดีอีกเช่นกัน

การมีสุขภาพทางการเงินที่ดีเป็นอย่างไร

การมีสุขภาพทางการเงินที่ดีนั้น เป็นการมีเงินใช้ตลอดทุกช่วงเวลาของในช่วงชีวิต ไม่ว่าเราจะมีอายุมากขึ้น เริ่มสร้างครอบครัว หรือจะเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ดังนั้นเราทุกคนที่ควรจะมีเงินสำรองแล้วนั้น ก็จะต้องมีสุขภาพทางการเงินที่ดีด้วยเช่นกัน

บทความนี้จะมานำเสนอแนวคิดสำหรับคนที่อยากจะมีสุขภาพทางการเงินที่ดี

1. หนี้สินไม่ใช่เงินของเรา

ทำไมถึงบอกว่าหนี้สินไม่ใช่เงินของเรา เพราะหนี้สินเป็นการที่เรากู้ยืมเงินมาจากผู้อื่น หรือทางสถาบันทางการเงิน และมีผลตอบแทนให้กับผู้กู้เป็นดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งดอกเบี้ยเงินกู้เป็นตัวร้ายที่ทำให้สุขภาพทางการเงินของเรานั้นแย่ไปได้เลย ดังนั้น เงินกู้จะไม่เท่ากันเงินเรา เมื่อเรายืมเงินได้ ก็จะต้องมีปัญญาที่จะจ่ายเงินคืน  

เราจะต้องเข้าใจก่อนว่าหนี้สินอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ หนี้รวยและหนี้จน

หนี้รวย ได้แก่ หนี้ที่เกิดจากการนำไปซื้อทรัพย์สินที่ทำให้เกิดกระแสเงินสดเข้ามามากกว่ารายจ่ายที่ต้องผ่อนชำระ เช่น การกู้เงินมาซื้อคอนโดมิเนียม หรือบ้าน ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ก็จะสามารถปล่อยเช่าได้ และรายได้ในการปล่อยเช่าจะมากกว่าราคาผ่อนชำระในแต่ละเดือน เป็นต้น

หนี้จน ได้แก่ การสร้างหนี้ที่ก่อให้เกิดรายจ่าย เมื่อมีรายได้ก็จะต้องนำเงินไปชำระหนี้ ดังนั้นจะเป็นเงินรายจ่ายอย่างเดียว ไม่มีกระแสเงินสดเข้ามา

2. ใช้เงินให้น้อยกว่าที่หาได้

เนื่องจากในยุคปัจจุบัน เชื่อว่าหลาย ๆ คนกำลังใช้เงินมากกว่ารายได้ที่หามาได้ เพราะด้วยความต้องการของคนในปัจจุบันนี้สูงกว่า และการกระตุ้นของตลาดที่สร้างความต้องการให้กับผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาทุกช่องทางสังคมออนไลน์ ป้ายโฆษณาตามข้างทาง ก็จะทำให้เรามีรายจ่ายที่มากกว่าที่ควรจะเป็น และจะเป็นการก่อหนี้ได้โดยที่ไม่จะเป็นเลย

3. การมองโลกในแง่ร้ายก็เป็นประโยชน์เช่นกัน

เพราะการมองโลกในแง่ร้ายในการวางแผนทางการเงินนั้น จะทำให้เราทุกคนรอบคอบในการวางแผนการเงินมากขึ้น และทำให้การเงินของเรานั้นมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะเหมือนเป็นการเตรียมตัวว่าถ้าเราประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ อุบัติเหตุ ตกงาน ถูกไล่ออก เป็นต้น เราจะมีการเตรียมพร้อมทางการเงินอยู่ตลอดเวลา และจะมีเงินสำรองพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา 

4. สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การติดตามข่าวสารเศรษฐกิจนั้นเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพราะจะทำให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อ เงินฝืด เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะติดตามข่าวสารแล้ว เราควรจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะถ้าเป็นช่วงเงินเฟ้อ การลงทุนนั้นก็จะมีความเสี่ยง แต่ถ้าเงินไม่ได้เอาไปทำอะไรก็ทำให้มูลค่าของเงินนั้นลดลง ดังนั้นถ้าลงทุนก็เสี่ยงที่จะขาดทุน มูลค่าของเงินที่มีอยู่ก็ลดลง ทำให้สุขภาพทางการเงินของเรานั้นแย่ลงอย่างแน่นอน

5. อิสรภาพทางการเงินจะต้องใช้เวลา

อิสรภาพทางการเงินเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ และก็เชื่อว่าทุกคนอยากมี แต่ทุกอย่างจะต้องใช้เวลาในการทำให้มีอิสรภาพทางการเงิน ซึ่งจะใจร้อนไม่ได้เลย เพราะกว่าเราจะเก็บเงินให้ได้จำนวนมากจำนวนหนึ่งนั้นยังต้องใช้เวลาพอสมควรเลย

เช่นการจะมีเงินเก็บให้ได้ 1,000,000 บาทนั้นเป็นเรื่องยากมาก และจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาอย่างมาก สมมติว่าเราทำงานได้เดือนละ 50,000 บาท หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว เก็บเงินแบบออมทรัพย์ทั่วไป เดือนละ 10,000 บาท จำเป็นจะต้องใช้เวลาประมาณ 8 ปี หรือ 100 เดือน ถึงจะมีเงินเก็บ 1,000,000 บาท เห็นหรือไม่ว่ากว่าเราจะมีอิสรภาพทางการเงินนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาอย่างมากเลย

แต่ถ้าเราเลือกลงทุนที่สามารถทำให้เงินออมของเรามีผลตอบแทนที่สูงมากขึ้นนั้น ก็อาจจะทำให้อิสรภาพทางการเงินของเรานั้นเร็วมากขึ้น 

ดังนั้นการที่มีคนแชร์ข้อความเรื่องลงทุนด้วยกันแล้วจะได้รับผลตอบแทน 10% ต่อเดือน ก็อย่าหลงเชื่อเป็นอันขาด และจำเป็นจะต้องศึกษาเรื่องการลงทุนให้รอบคอบเสมอทุกครั้ง

สุขภาพทางการเงินที่ดีนั้น เชื่อว่าใคร ๆ ก็อยากจะมี เพราะวิธีในการทำนั้นก็ไม่ได้ยากมากมายอะไร เพียงแค่วางแผนทางการเงินของตนเองให้ดีมากขึ้น ถ้าเทียบสุขภาพทางการเงินกับสุขภาพร่างกายของเรานั้น ก็ไม่ค่อยจะต่างกันเท่าไร เพราะถ้าเราไม่ออกกำลังกาย ทานอาหารไม่มีประโยชน์ ก็จะส่งผลให้เราก็จะมีสุขภาพไม่แข็งแรง ก็เหมือนกันกับสุขภาพทางการเงิน ถ้าเราไม่มีการวางแผน การเก็บเงิน ก็จะทำให้เรานั้นไม่มีสภาพคล่องทางการเงินอย่างแน่นอน และสุดท้ายก็จะไม่มีอิสรภาพทางการเงินเสียที