กองทุนรวมมีแบบไหนบ้าง แบบไหนที่เหมาะกับมือใหม่

กองทุนรวม

การเลือกลงทุนแบบประเภทกองทุนรวมจะต้องเข้าใจก่อนว่า เขานำเงินเราไปทำอะไร ให้ได้ประโยชน์อะไร และมีความเสี่ยงมากแค่ไหน ดังนั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องอ่านหนังสือชี้ชวนของกองทุนรวมให้ละเอียด และดูผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนนั้น ๆ ด้วยว่าเป็นอย่างไร ซึ่งหากเป็นมือใหม่ที่กำลังจะลงทุน จะต้องศึกษาให้ละเอียดมากที่สุด

กองทุนรวมคืออะไร

กองทุนรวมคืออะไร

กองทุนรวม เป็นการระดมเงินจากเหล่านักลงทุนหลาย ๆ รายมารวมกันให้เป็นเงินลงทุนก้อนใหญ่ จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. ซึ่งจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ระดมเงินจะนำกองทุนไปจดทะเบียน เป็นนิติบุคคล และนำเงินกองทุนนั้นไปลงทุนตามนโยบายตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน

ซึ่งนักลงทุนแต่ละรายจะได้รับการจัดสรรหน่วยลงทุน เพื่อแสดงสถานะความเป็นเจ้าของในเงินที่ได้ลงทุนไป ดังนั้น ผู้ลงทุนในกองทุนรวมจึงถูกเรียกว่า “ผู้ถือหน่วยลงทุน”

ที่สำคัญคือกองทุนรวมนั้นใช้เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำ บางกองทุนเริ่มต้นลงทุนแค่ 1 บาท ก็สามารถลงทุนได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเงินเป็นแสนเป็นล้านถึงจะเริ่มต้นลงทุนได้ เมื่อเราลงทุนในกองทุนรวม เราจะได้รับหน่วยลงทุน (Unit Trust) มาถือไว้แทน

เราจะต้องมาดูว่ากองทุนแบบไหนเหมาะกับตัวเรามากที่สุด

  1. อยากจะลงทุน แต่ไม่มีเวลาติดตามข่าวสารและติดตามราคาในแต่ละวัน
  2. อยากจะลงทุน แต่ยังไม่มีความรู้และประสบการณ์ในการลงทุนที่เพียงพอ
  3. อยากจะลงทุน แต่ยังมีเงินไม่มาก

รูปแบบผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุน จะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ 

  1. เงินปันผล ซึ่งจะได้จามรอบของทางหนังสือชี้ชวนกองทุนได้บอกไว้ ก็จะมีการจ่ายเงินปันผลแบบทุก ๆ  3 เดือน หรือทุก ๆ 6 เดือน
  2. กำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย ซึ่งเป็นหนึ่งในผลตอบแทนที่เราจะต้องติดตามราคาอย่างสม่ำเสมอ เมื่อราคาสูงขึ้นเป็นไปตามที่เราพอใจแล้วก็จะทำการขายเพื่อทำกำไร จะดูราคาได้จากค่า NAV

ประเภทของกองทุนรวมมีแบบไหนบ้าง

ประเภทของกองทุนรวมมีแบบไหนบ้าง

กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) จะเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้คุณภาพที่ดี มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ หรือสำหรับการลงทุนระยะสั้น โดยทั่วไปแล้วจะให้ผลตอบแทนที่ดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ และผลตอบแทนที่ได้ ก็จะไม่ต้องเสียภาษี

กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund) เป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในประเภทเงินฝาก และตราสารหนี้ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ของภาคเอกชน ผลตอบแทนที่กองทุนได้รับจากลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นอัตราดอกเบี้ย และอาจจะมีส่วนต่างของราคาต้นทุนของตราสารหนี้ที่ลงทุนกับราคาตลาดที่มีการคำนวณทุกวัน และอาจจะทำให้เกิดกำไรหรือขาดทุนได้ ซึ่งอาจจะต่างกันในแต่ละช่วงเวลา จะเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างต่ำ ซึ่งควรจะลงทุนอย่างน้อย 1 ปี

กองทุนรวมผสม (Mixed Fund) เป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายที่ลงทุนทั้งในตราสารหนี้หุ้น และสินทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งผลตอบแทนที่กองทุนได้รับและความเสี่ยงของการลงทุนจะแตกต่างไปตามสัดส่วน ซึ่งการลงทุนของแต่ละตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงที่สูงมากกว่ากองทุนผสม และจะเหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงปานกลางไปค่อนข้างสูง หรือเราอาจจะกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ภายในกองทุนเดียว โดยผู้จัดการกองทุนจะเป็นคนคอยบริหารสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ให้เหมาะกับในแต่ละช่วงภาวะตลาด

กองทุนรวมตราสารทุน (Equity Fund) หรือกองทุนรวมหุ้น เป็นกองทุนที่มีนโยบายที่ลงทุนในหุ้น ได้แก่ หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ และใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหลักทรัพย์ รวมถึงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอื่น ๆ กองทุนหุ้นจะถูกกำหนดให้มีสัดส่วนของการลงทุนในหุ้นอย่างน้อย 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งบางกองทุนจะมีนโยบายลงทุนตามขั้นต่ำ ซึ่งแต่ละกองทุนอาจจะลงทุนสูงสุดที่ 100% และการลงทุนในหุ้นจะมีความผันผวนซึ่งจะมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ดังนั้นจะเหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงสูงได้ และสามารถลงทุนระยะยาวได้

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF) เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยจะมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างวินัยการออมและเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณอายุ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับการยกเว้นภาษีบุคคลเงินได้ ซึ่งจะลดไม่เกิน 15% ของเงินได้ และจะต้องประเมินเงินได้ที่จะต้องเสียภาษีในแต่ละปี โดยนับจำนวนเงินลงทุนเพื่อการเกษียณอายุทั้งหมดจะต้องไม่เกิน 500,000 บาท และต้องมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่ การลงทุนตราสารหนี้ ตราสารผสม และหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ นักลงทุนจะเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้เช่นกัน

กองทุนประเภทไหนที่เหมาะสมกับตัวเรา อาจจะให้ผลตอบแทนที่ไม่ได้เป็นไปตามที่หวังไว้ ก็อยากจะให้ค่อย ๆ ศึกษาและติดตามข้อมูลข่าวสารก่อน เพื่อทำให้เราเข้าใจและสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเดินไปทางเส้นไหนดี ดังนั้นการลงทุนกองทุนรวมจะต้องศึกษาให้เป็นอย่างดีก่อนเสมอ และจะต้องเข้าใจตัวเองด้วยว่าเราเหมาะกับกองทุนรวมประเภทไหน ยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และก็จะทำให้เรานั้นลงทุนได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG