วางแผนทางการเงินอย่างไร ให้สบายไปตลอดชีวิต

การเงิน

อยากจะมีอิสรภาพทางเงิน จะต้องวางแผนการเงินอย่างไรให้เราไม่ต้องมานั่งกังวลว่า เงินจะไม่พอใช้ เรื่องแบบนี้จะต้องเริ่มต้นวางแผนมาตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน เพราะจะต้องใช้ระยะเวลายาวนานนับปีกว่าที่จะทำให้เรามีอิสรภาพทางการเงินได้ และยังมาพร้อมกับทั้งความสามารถและความพยายามกว่าจะได้สิ่งที่เราต้องการ ดังนั้นเรามาดูวิธีการวางแผนทางการเงินอย่างไร ให้สบายไปตลอดชีวิต

“แผนการเงิน” เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่อยากจะได้ เพราะอยากจะมีอิสรภาพทางการเงินให้ได้เร็วที่สุด และในปัจจุบันนี้การวางแผนทางการเงินก็มีหลายแบบที่เลือกได้ แต่ก่อนอื่นเลย เราจะต้องรู้ว่าเรามีเป้าหมายอะไร มองอนาคตตัวเองว่าเป็นอย่างไร แล้วอยากจะมีเงินเป็นจำนวนเท่าไร ต่อเดือนใช้จ่ายเท่าไร

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนกำลังมองข้าม เพราะคนเราส่วนใหญ่มักจะมองไปถึงปลายทางแล้วว่าอยากจะได้อิสรภาพทางการเงิน แต่ลืมมองไปว่าวิธีการเป็นอย่างไร จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ซึ่งเราจะแบ่งเป็น 2 วิธีง่าย ๆ 

1.การเตรียมเงินทั้งก้อนสำหรับที่เราจะต้องใช้ทั้งชีวิต

1.การเตรียมเงินทั้งก้อนสำหรับที่เราจะต้องใช้ทั้งชีวิต

หากมองแบบนี้แล้ว เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ที่คนเราจะเตรียมเงินก้อนเพื่อใช้งานตลอดชีวิตได้ ซึ่งแค่เงินเดือนในแต่ละเดือนก็แทบจะไม่เหลือเก็บแล้ว แบบนี้จะต้องทำอย่างไรดี 

เราจะต้องคำนวณว่าเราจะหยุดทำงานเมื่อไร และลองคำนวณว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเป็นจำนวนเงินเท่าไร ดังนั้นเราก็จะทราบแล้วว่าเราจะต้องเตรียมเงินเท่าไรเพื่อให้เพียงพอกับช่วงชีวิตที่เหลือ เมื่อเราสามารถเก็บเงินก้อนนั้นตามจำนวนที่ได้คำนวณไว้ได้ เราก็จะสามารถหยุดทำงานได้อย่างสบายใจ แต่วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ต้องใช้เวลานานมาก ๆ กว่าจะเก็บออมเพื่อใช้ในช่วงเกษียณอายุ

ตัวอย่างวิธีการคิดเพื่อเตรียมเงินไว้

  • หากเรานำจำนวนเงินที่จะใช้ในตอนเกษียณแต่ละเดือนมาคิดเป็นปี เมื่อเราจะใช้เงินตอนเกษียณ เดือนละ 50,000 บาท ดังนั้นจะต้องใช้เงิน 600,000 บาทต่อปี
  • นำอายุที่เราวางแผนว่าจะเกษียณมาลบกับอายุปัจจุบัน และลบด้วย 1 ได้แก่ ต้องการเกษียณตอนอายุ 55 ปี ปัจจุบันอายุ 26 ปี ซึ่งจำนวนปีที่เหลือก่อนที่เราเกษียณ เท่ากับ 28 ปี
  • แล้วจะมีอายุถึงเท่าไร หากเราคาดว่าจะอยู่ถึง 80 ปี ก็จะต้องนำ 80 มาลบกับอายุเกษียณของเรา ก็จะได้แก่ 25 ปี

ทั้งหมดนี้เราจะต้องเตรียมเงิน 600,000 * 28 = 16,800,000 บาท 

ซึ่งจำนวนนี้จะยังไม่ได้คิดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเงินเฟ้อจะคิดตามจำนวนปีที่เหลือก่อนเราเกษียณดังนี้

ปีเงินเฟ้อปีเงินเฟ้อปีเงินเฟ้อปีเงินเฟ้อ
11.04111.54212.26313.37
21.08121.60222.37323.51
31.12131.67232.46333.65
41.17141.73242.56343.79
51.22151.80252.67353.95
61.27161.87262.77364.10
71.32171.95272.88374.27
81.37182.03283.00384.44
91.42192.11293.12394.62
101.48202.19303.24404.80

อัตราเงินเฟ้อตามจำนวน 28 ปี เป็นจำนวน 3.00 เมื่อนำมาคูณกันแล้วจะเป็นจำนวนเงิน 50,400,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มากเลยทีเดียว แต่ถ้าเรายิ่งอยากจะเกษียณเร็วมากแค่ไหน ก็จะต้องมีเงินก้อนนี้ให้เร็วมากขึ้นเท่านั้น

2. การเตรียมตัวให้มี Passive Income ให้มากกว่ารายจ่ายในแต่ละเดือน

2. การเตรียมตัวให้มี Passive Income ให้มากกว่ารายจ่ายในแต่ละเดือน

การที่เรามีรายรับมากกว่ารายจ่ายนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยาก และมีหลายวิธีมาก ๆ ที่ทำให้เรามีรายได้ที่มากยิ่งขึ้น ได้แก่ การลงทุนไม่ว่าจะเป็น หุ้น กองทุน หรือจะเป็นอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ก็ล้วนเป็นการให้เงินไปทำงานเพื่อทำให้เกิดรายได้มากขึ้น 

ตัวอย่างเช่น การซื้อคอนโด แล้วนำห้องนั้นไปปล่อยเช่าในราคา 12,000 บาท แต่จะต้องผ่อนธนาคาร 9,000 บาท ซึ่งส่วนต่างก็ถือว่าเป็น Passive Income เช่นกัน

และการออมกองทุน – ออมหุ้น เพื่อวัยเกษียณ ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีต่าง ๆ อาจจะต้องเลือกการออมหุ้นหรือการออมกองทุน ซึ่งจะต้องเลือกหุ้นหรือกองทุนที่ดี เพื่อทำให้ลดความเสี่ยงในการลงทุน และการซื้อจะเป็นการทยอยซื้อในจำนวนเงินที่เท่า ๆ กันอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ได้ราคาเฉลี่ย ซึ่งจะทำให้เหมาะกับการลงทุนระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ และที่สำคัญก็ควรจะเลือกกองทุนหรือหุ้นที่มีแนวโน้มจะเติบโตในระยะยาวด้วยเช่นกัน 

หรือจะเป็นในเรื่องประกันชีวิตที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ได้แก่ ประกันชีวิตในวัยเกษียณ เพราะเนื่องจากเป็นการวางแผนทางการเงินเพื่อใช้ชีวิตหลัง 60 ปี เป็นการออมเงินในระยะยาวซึ่งผู้ที่ออมเงินจะต้องมีวินัยในการออมเงินมาก ซึ่งประกันก็จะได้รับความคุ้มครองชีวิตและมีการจ่ายเงินตามสิทธิประโยชน์เมื่อเกษียณ หากชำระค่าเบี้ยประกันครบกำหนด

ดังนั้นทั้งหมดนี้เรื่องการวางแผนทางเงินให้เราสบายไปทั้งชีวิต ก็สามารถวางแผนได้ง่าย และเราจะต้องรู้เท่าทันกับความต้องการของตนเองในอนาคต และเราจะต้องศึกษาหาข้อมูลรวมไปถึงความรู้ต่าง ๆ เพื่อทำให้การเงินของเรานั้นเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะทำให้เราวางแผนทางการเงินได้บรรลุเป้าหมายอย่างแน่นอน และไม่เป็นภาระให้กับคนรุ่นหลังอีกเช่นกัน ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ลูกหลานนั้นก็มีรากฐานทางการเงินที่เข้มแข็งอีกเช่นกัน

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG