กองทุนประเภทไหนเหมาะกับตัวเรา

ความรู้เบื้องต้นการเงิน

กองทุนรวมแต่ละประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งรายละเอียดในการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงทำให้กองทุนแต่ละแบบนั้นมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน การจะเริ่มต้นลงทุนกองทุนรวมควรจะเริ่มต้นจากระยะเวลาในการลงทุน ที่เราสามารถลงทุนได้ ยิ่งถ้าเราลงทุนในเวลานานมากเท่าไหร่ ก็สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเราจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้การลงทุนของเรานั้นประสบความสำเร็จ 

การเริ่มลงทุนนั้นควรจะเริ่มจากการตรงไหน แล้วประเภทไหนที่จะเหมาะกับตัวเรา แล้วความเสี่ยงไหนที่ตัวเราสามารถยอมรับได้ เพราะความเสี่ยงในแต่ละประเภทก็จะมีผลตอบรับหรือกำไรที่แตกต่างกันไปแน่นอน ดังนั้นจะต้องคิดและเลือกให้ดี

กองทุนรวมนั้นคืออะไร

กองทุนรวมนั้นคืออะไร

กองทุนเป็นการจัดขึ้นเพื่อระดมทุนจากนักลงทุนจากหลาย ๆ คน ซึ่งจะมีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เพื่อจัดตั้งผู้จัดการกองทุน แล้วนำเงินที่ได้มาจากการระดมทุนนั้นมาลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามนโยบายของกองทุน เพื่อทำให้เงินนั้นงอกเงยขึ้นและนำผลกำไรที่ได้มานั้นมาเฉลี่ยคืนให้กับนักลงทุนตามหน่วยที่เราได้ลงทุนไว้ตามหน่วย

ซึ่งความเสี่ยงแบ่งเป็นทั้ง 8 ประเภท ได้แก่

ซึ่งความเสี่ยงแบ่งเป็นทั้ง 8 ประเภท ได้แก่
  • ความเสี่ยงระดับ 1 ได้แก่ กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ 

มีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่มีเวลาลงทุนน้อย ลงทุนในระยะเวลาสั้น และเป็นประเภทที่ปกป้องเงินต้นของเรา ซึ่งกองทุนจะเน้นลงทุนในเงินฝาก ตั๋วเงิน และรวมถึงตราสารกนี้ที่มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปี

  • ความเสี่ยงระดับ 2 ได้แก่ กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ

มีความเสี่ยงที่อยู่ในระดับที่ 2 ซึ่งจะเหมาะกับกลุ่มความเสี่ยงระดับต้น ที่จะเป็นกองทุนเน้นการลงทุนในเงินฝาก ตั๋วเงิน รวมไปถึงตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปี

  • ความเสี่ยงระดับ 3 ได้แก่ กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล

ความเสี่ยงที่อยู่ในระดับที่ 3 ซึ่งจะเหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก ไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนที่สูงมาก ที่จะเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุเฉลี่ยมากกว่า 1 ปีขึ้นไป

  • ความเสี่ยงระดับ 4 ได้แก่ กองทุนรวมตราสารหนี้

ความเสี่ยงที่อยู่ในระดับที่ 4 ซึ่งจะเหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก แต่คาดหวังผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ และทั้งลงทุนได้ในระยะสั้นและระยะยาว และเป็นกองทุนประเภท เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตั๋วเงินคลัง และหุ้นกู้เอกชน ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนจะต้องกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ซึ่งระยะเวลาในการลงทุนจะอยู่ที่ 1 – 2 ปี

  • ความเสี่ยงระดับ 5 ได้แก่ กองทุนรวมผสม

ความเสี่ยงที่อยู่ในระดับที่ 5 ซึ่งจะเหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงความเสี่ยงสูง ซึ่งคาดหวังผลตอบแทนดี และสามารถลงทุนได้ทั้งระยะกลางและระยะยาว เป็นกองทุนประเภทตราสารหนี้ หุ้น หรืออื่น ๆ ซึ่งจะมีหลายกองทุนเพื่อทำให้กระจายความเสี่ยงในการลงทุน ซึ่งระยะเวลาในการลงทุนจะอยู่ที่ 3 – 5 ปี

  • ความเสี่ยงระดับ 6 ได้แก่ กองทุนรวมตราสารทุน

ความเสี่ยงที่อยู่ในระดับที่ 6 ซึ่งจะเหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงสูง ซึ่งจะเหมาะกับคนที่มีอายุน้อย หรือต้องการลงทุนในระยะยาวที่มากกว่า 5 – 10 ปีขึ้นปี ที่มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อเกษียณ หรือเพื่อเป็นอิสรภาพทางการเงิน เพื่อให้เงินทำงานแทนตัวเรา ประเภทการลงทุนเน้นหุ้นในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะรวมไปถึงกองทุน SSF และกองทุน RMF ทั้ง 2 กองทุนจะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งระยะเวลาในการลงทุนจะอยู่ที่ 5 – 7 ปี

  • ความเสี่ยงระดับ 7 ได้แก่ กองทุนรวมตามหมวดหมู่อุตสาหกรรม

ความเสี่ยงที่อยู่ในระดับที่ 7 ซึ่งจะเหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงสูงมาก ๆ ได้ เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้น แต่จะเน้นไปทางอุตสาหกรรม ได้แก่ หุ้นธนาคาร หุ้นสื่อสาร หุ้นโรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่งระยะเวลาในการลงทุนจะขึ้นอยู่กับทรัพย์สินที่เลือกลงทุน

  • ความเสี่ยงระดับ 8 ได้แก่ กองทุนรวมทางเลือก

ความเสี่ยงที่อยู่ในระดับที่ 8 ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงที่สุด จะต้องเป็นคนที่มีความมั่นใจ กล้าได้กล้าเสีย และต้องการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการลงทุน ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจรายละเอียดที่เกี่ยวกับกองทุนทั้งหมด ซึ่งระยะเวลาในการลงทุนจะขึ้นอยู่กับทรัพย์สินที่เลือกลงทุน

สำหรับผู้เริ่มต้นลงทุนอาจจะเลือกจากระยะเวลาในการลงทุนก่อนได้ และกองทุนในระดับความเสี่ยงที่ตนเองนั้นสามารถยอมรับได้ก่อน แล้วเมื่อเราเข้าในและชำนาญในการลงทุนแล้วนั้น ก็ค่อย ๆ ขยับการลงทุนขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามผลตอบแทนที่เราต้องการ แต่กองทุนที่มีความเสี่ยงในระดับที่ 7 และระดับ 8 อาจจะไม่ค่อยแนะนำให้ผู้เริ่มต้นลงทุนในการลงทุนเท่าไร เพราะทั้ง 2 ความเสี่ยงนี้จำเป็นที่จะต้องใช้ความเข้าใจเฉพาะด้านในการลงทุน ดังนั้นระยะเวลาในการลงทุนนั้นจะไม่ได้นำเข้ามาเป็นปัจจัยในการเลือกลงทุนเลย

และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญอย่างมาก ก็คือเรื่อง “การลงทุนผ่านกองทุนรวม” เพิ่มเติม เพราะกองทุนในแต่ละประเภทก็อาจมีหลายร้อยกองทุนให้เราเลือกลงทุน เราจะต้องรู้วิธีการคัดเลือกกองทุนที่ดี ผู้จัดการกองทุนที่เก่งด้วย

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG