ว่าด้วยเรื่องการเงินที่ต่างกัน

ความรู้เบื้องต้นการเงิน

เงินนั้นเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่ผู้คนใช้กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้า บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเราเอง แต่ว่า “เงิน” นั้นก็จะสามารถให้ประสบการณ์ในชีวิตของเราที่แตกต่างกันไป เพราะแต่ละคนมีเป้าหมาย ความเชื่อหรือจะเป็นความคาดหวังในชีวิตที่แตกต่างกัน นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรามีความพึงพอใจในเรื่องของเงินที่แตกต่างกัน และรวมไปถึงเรื่องของการลงทุนที่มีความเสี่ยง มักจะเกิดขึ้นกับประสบการณ์ในชีวิตที่พวกเราได้พบเจอมา หากพบเจอสถานการณ์ที่เลวร้าย ก็จะทำให้เราเลือกที่จะไม่ลงทุนตัวนี้ในครั้งถัดไป หากเราพบเจอสถานการณ์ที่ดีมาก ก็จะทำให้เราเลือกลงทุนโดยไม่ลังเล ทั้งหมดนี้เลยเป็นเหตุผลของความเข้าในเรื่องของการเงิน

ว่าด้วยเรื่องการเงินที่ต่างกัน 1

ด้วยประสบการณ์ของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ก็จะทำให้การมอง​ “เงิน” นั้นแตกต่างกันไปอีกด้วย 

คุณเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดไหมว่า “มีเงินก็ต้องเอาไปฝากธนาคารไว้” วัยรุ่นยุคนี้ก็จะมองว่า ทำไมต้องนำเงินไปฝากธนาคาร เพราะดอกเบี้ยก็น้อยมาก ไม่คุ้มกับการเอาเงินไปฝากไว้เลย แต่ที่ผู้ใหญ่กล่าวเช่นนั้นก็เพราะว่า ดอกเบี้ยในยุคของเขาให้สูงมาก ร้อยละ 10 เลยก็ว่าได้ แต่หากเป็นปัจจุบัน ร้อยละ 0.25 ซึ่งแตกต่างกันอย่างมาก 

ต่อมาเป็นเรื่องของเงินเฟ้อ ที่สมัยก่อนอาจจะเกิดสภาวะเงินเฟ้อมาบ้าง แต่อาจจะไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจเท่ากับปัจจุบัน เช่น ปัจจุบันในยุควิกฤตโควิด 19 ทั่วโลก ทำให้เงินเฟ้อในแต่ละประเทศสูงขึ้นอย่างมาก ข้าวของสินค้าราคาสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้คนจะต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าในจำนวนที่เท่าเดิมหรือน้อยกว่า นั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดโรคระบาดไปทั่วโลกขนาดนี้ และกระทบต่อเศรษฐกิจมากเช่นนี้ 

การตัดสินใจในการใช้เงินของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป เช่น คนที่ฐานะทางการเงินไม่ดี มักจะชอบเสี่ยงดวง โดยการซื้อล็อตโตรี่และหวังว่าจะถูกรางวัลใหญ่ แต่กลับไม่ได้มีการวางแผนว่าจะเก็บเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้คุณมองพฤติกรรมของคนที่มีฐานะการ เงินไม่ดีว่าแย่ บ้าหรือเปล่า แต่แท้จริงแล้วพวกเขาล้วนมีเหตุผลและประสบการณ์ทางการเงินที่แตกต่างจากเราเท่านั้นเอง 

คนทุกคนเกิดมาในสภาวะทางครอบครัวที่ต่างกัน การสนับสนุนในเรื่องต่าง ๆ ก็ต่างกัน เช่น การศึกษา การลงทุน การทำธุรกิจ บางครอบครัวสนับสนุนการศึกษาเรื่องต่าง ๆ ของลูก ๆ เป็นอย่างมาก แต่กลับบางครอบครัวอาจจะต่อต้านเสียด้วย เพราะอาจจะด้วยสภาวะทางการเงินที่แตกต่างกัน ความรู้ความเข้าใจหรือประสบการณ์ในเรื่องนั้น ๆ ที่แตกต่างกัน ก็จะทำให้เรื่องการสนับสนุนเรื่องต่าง ๆ ก็มีความแตกต่างอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทุกคนมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ มีเงินทองมากมาย ทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับความมีระเบียบวินัยของแต่ละคนเอง การเรียนที่สูงก็ไม่ได้การันตีว่าจะประสบความสำเร็จหรือจะมีเงินทองมากมาย หรือการเรียนที่ต่ำกว่าก็ไม่มีการการันตีว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ 

ว่าด้วยเรื่องการเงินที่ต่างกัน 2

นอกจากคำว่า “ประสบความสำเร็จ” แล้ว หากเราเกิด “ล้มเหลว” ในสิ่งที่ทำอยู่ เช่น การลงทุน ธุรกิจต่าง ๆ แล้วเราจะมีวิธีการรับมือกับความล้มเหลวเหล่านี้อย่างไร อย่างแรกและสำคัญมากก็คือ ความล้มเหลวเปรียบเสมือนบทเรียนหนึ่งที่เราทุกคนจะต้องประสบพบเจอ เป็นแนวทางที่ทำให้เราจะต้องตระหนักในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น และทำให้เราไม่ประมาท เพราะว่าโชคดีและความเสี่ยงหรือความล้มเหลวนั้นเป็นของคู่กัน เพราะฉะนั้นการลงทุนหรือการทำธุรกิจต่าง ๆ นั้นก็จะมีความเสี่ยงอยู่เสมอเช่นกัน

ต่อมาเป็นเรื่องของการรู้จักพอ ในการลงทุนหรือการทำธุรกิจนั้นก็อาจจะมีการต่อยอดธุรกิจไปเรื่อย ๆ เปรียบเสมือนเป็นการเติบโตทางธุรกิจ แต่การที่เราอยากให้ธุรกิจของเรานั้นเติบโตไวจนเกินไป ก็อาจจะทำให้ธุรกิจของเรานั้นเกิดปัญหาได้เช่นกัน เช่น เลือกลงทุนหุ้นแล้ว ซึ่งตลอดการลงทุนที่ผ่านมานั้นได้ผลกำไรที่ค่อนข้างดี และเราต้องการผลกำไรมากขึ้น ก็เลือกที่จะซื้อหุ้นเพิ่มโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หรือดูตลาดการลงทุนเพิ่ม แต่กลับทำให้เราขาดทุนจนแทบไม่เหลืออะไรเลย เพียงเพราะว่า ก่อนหน้านี้หุ้นที่ซื้อนั้นได้รับผลตอบแทนมาตลอด จึงทำให้เราไม่ได้มีความตระหนักคิดมากว่าจะเกิดวิกฤตขึ้นได้ 

และทักษะทางการเงินที่ยากมากที่สุดก็คือสร้างเป้าหมายไว้ แต่จะไม่ขยับเป้าหมาย เพราะสิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือความรู้สึกของตัวเราเอง ทั้งอำนาจ ชื่อเสียง หรือความอยากที่จะมีเงินที่มากขึ้นนั้นก็จะทำให้เรามีความเสี่ยงในเส้นทางนั้นอย่างมาก เพราะฉะนั้นการรู้จักพอในเรื่องการเงินนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนในเรื่องของประสบการณ์ที่ต่างกัน ทำให้มีมุมมองความคิดต่างกัน มีความต้องการที่ต่างกัน รวมไปถึงมีความรู้ที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นเราทุกคนไม่ควรตัดสินอีกฝ่ายว่าเขาไม่รู้ คิดน้อย เขาทำแล้วไม่เห็นจะมีการวางแผนเผื่ออนาคตไว้เลย สิ่งเหล่านี้เราทำได้เพียงนำเป็นบทเรียนของตนเองเท่านั้น และเลือกทางที่เหมาะกับตนเองจะดีที่สุด

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG