ทำไมมือใหม่ควรจะต้องเลือกลงทุนกับกองทุนรวม เพราะเราจะเห็นได้ว่ากองทุนรวมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุน มีสินทรัพย์หลายประเภทให้เลือกลงทุนเลย ซึ่งพี่ทุยคิดว่า กองทุนรวมเป็นการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับมือใหม่อยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยก็ช่วยทำให้เราเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นวันนี้เรามาดู 5 ข้อสำคัญสำหรับมือใหม่ที่ควรรู้ก่อนซื้อกองทุนรวม
5 สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อนซื้อกองทุนรวม
ก่อนอื่นที่เราซื้อกองทุนรวมทุกครั้ง มี 5 สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อน เพื่อให้การลงทุนของเราประสบความสำเร็จร่ำรวยกันอย่างยิ่งใหญ่ ได้แก่
1. จะต้องรู้เป้าหมายการเงินของตัวเองคืออะไร
เนื่องจากกองทุนรวมมีมากมายหลายกองทุน แน่นอนว่านโยบายการลงทุนก็มีความแตกต่างกัน ตั้งแต่การลงทุนในเงินฝาก ตลาดเงิน ตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารหนี้ระยะยาว หรือจะเป็นหุ้น กองทุน น้ำมัน หรือจะเป็นประเภทอสังหาริมทรัพย์ก็มีให้เราเลือกลงทุนทั้งนั้น ถ้าเราไม่รู้ว่าเป้าหมายการลงทุนของเราเป็นอย่างไร เราไม่มีทางที่จะเลือกกองทุนรวมที่เหมาะสมกับตัวเราได้เลย ดังนั้นจะต้องรู้และเข้าใจเป้าหมายการเงินของตัวเราเองก่อนที่จะเลือกลงทุน
2. รู้ว่า กองทุนรวม มีนโยบายการลงทุนอะไรบ้าง
หลังจากที่เรารู้แล้วว่าเป้าหมายการเงินของเราเป็นอย่างไร จากนั้นเราก็เลือกกองทุนรวมที่มีนโยบายที่เข้ากับเป้าหมายการเงินของเราเลย เช่น ถ้าเรารู้ว่าเงินกองนี้จะใช้ในอีก 6 เดือนข้างหน้ากองทุนรวมที่เหมาะสมอาจจะเป็น กองทุนรวมตลาดเงินหรือว่าตราสารหนี้ระยะสั้น ๆ
แต่ถ้าเราบอกว่าเราต้องการเก็บเงินเพื่อเป้าหมายเกษียณ เก็บยาว ๆ ไปเลย 20-30 ปี เรามองว่าการใช้กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น หรือว่าจะใช้พวก RMF เลยก็น่าสนใจเพราะเราจะได้ประโยชน์ในเรื่องภาษีด้วย
3. รู้ว่ากองทุนรวมเก็บค่าธรรมเนียมเท่าไหร่
บางคนอาจจะเคยได้ยินเฉพาะค่าธรรมเนียมหุ้น แต่สำหรับค่าธรรมเนียมกองทุนก็มีเช่นเดียวกัน ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่หลาย ๆ คนมักจะลืม อย่าลืมว่าการที่เรามีมืออาชีพคอยบริหารเงินให้กับเรา คนทำงานก็ต้องกินข้าวกินน้ำเช่นกัน นั่นแปลว่าต้องมีค่าจ้างของคนที่มาบริหารให้กับเรา
ค่าธรรมเนียมส่งผลกระทบต่อการลงทุนตรงที่ว่าผลตอบแทนที่เราได้รับจริงนั้นจะเท่ากับ ผลตอบแทนที่กองทุนรวมทำได้ หักลบกับค่าธรรมเนียมก่อนเสมอ ดังนั้นอย่าลืมดูค่าธรรมเนียมเสมอเพราะจะทำให้ผลตอบแทนเราได้น้อยลง
4. รู้ว่าการซื้อขายกองทุนรวมไม่ได้ซื้อแบบ Real-Time
อันนี้เราสามารถเรียกว่าเป็นข้อจำกัดของการลงทุนในกองทุนรวมเลยละกัน เพราะว่าเวลาที่เราจะซื้อกองทุนรวม สมมติว่าเราซื้อวันนี้ ราคาของหน่วยลงทุน (NAV) ที่เราได้รับนั้นจะเป็นราคาเมื่อตลาดปิด ณ วันนั้น ๆ จะไม่ได้สะดวกหรือว่าได้ราคา Real-Time แบบการซื้อหุ้นที่เราคุ้นเคยกัน
นั่นแปลว่าการลงทุนผ่านกองทุนรวมจะมีดีเลย์อย่างน้อย ๆ ก็ 1 วัน ทำให้ถ้าใครจะใช้กองทุนรวมลงทุนแบบคิดว่าตลาดจะขึ้นหรือลงเพราะข่าวที่ออกมา อาจจะจัดการกับกองทุนของเราไม่ทันการสักเท่าไหร่
ดังนั้นอาจจะแนะนำให้ใช้กองทุนรวมเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่า เพราะนอกจากเรื่องของค่าธรรมเนียมก็มีเรื่องของจังหวะที่เราเข้าออกรวดเร็วแบบหุ้นไม่ได้ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องรู้
5. รู้ว่าการลงทุนในกองทุนต้องติดตามการลงทุนเช่นกันกับการลงทุนอื่นๆ
เรื่องติดตามการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอะไรก็ตาม สิ่งที่ต้องทำก็คือติดตามการลงทุนอย่างสม่ำเสมอว่าการลงทุนนั้นเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือเปล่า ยังดีอยู่หรือไม่
แม้แต่กองทุนรวมที่มีมืออาชีพคอยบริหารเงินให้กับเราก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าเราวางเงินเราไว้สบาย ๆ ไม่ต้องทำอะไรได้ เพราะอย่าลืมว่ากองทุนรวมในตลาดมีมากมาย แค่เฉพาะในไทยก็หลายร้อยหลายพันกองทุนรวมแล้ว
ถ้ากองทุนรวมที่เราลงทุนอยู่ทำผลตอบแทนได้ไม่ดี หรือว่าแพ้กองทุนอื่น ๆ เยอะ สิ่งที่เราควรทำก็คือย้ายการลงทุนของเราไปที่กองทุนกองใหม่
เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรบ้างที่เราควรรู้ก่อนลงทุนกองทุนรวม อย่าลืมเอาไปปรับใช้ก่อนการลงทุนเสมอ เพราะพี่ทุยเห็นหลาย ๆ ครั้ง เวลาซื้อกองทุนรวมมักจะซื้อเพราะมีคนนู้นคนนี้ช่วยให้ลงก็เทลงทุนตามไป และหากถามว่ารู้มั้ยว่ากำลังลงทุนอะไรอยู่ ส่วนมากก็จะตอบไม่รู้กันเสียอย่างงั้นเลย ดังนั้นเราจะต้องเข้าใจในกองทุนที่เราซื้อด้วยว่าเขานำเงินของเราไปทำอะไร ให้เกิดประโยชน์
สำหรับมือใหม่หัดลงทุน ถ้าจะตอบว่าไม่รู้ก็อย่าเพิ่งใจหายกันไป หลังจากที่รู้แล้วว่าสิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อกองทุนรวม มีอะไรบ้าง แนะนำให้อ่านขั้นตอนการเลือกกองทุนรวมสำหรับมือใหม่เพื่อความเข้าที่มากขึ้น และเสริมสร้างความรู้ให้มากขึ้น การทราบข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณในการซื้อกองทุนรวม และจะทำให้เราสามารถจัดการเงินในกองทุนของเราให้เกิดผลกำไรที่มากขึ้น ตามเป้าหมายที่เราได้วางแผนเอาไว้
การลงทุนที่เสี่ยงที่สุด ก็คือ การลงทุนที่เราไม่รู้อะไรเลยว่าเรากำลังลงทุนอะไรอยู่ สุดท้ายพอขาดทุนก็บอกว่าการลงทุนไม่ดี กลับไปฝากเงินกับธนาคารเหมือนเดิมดีกว่า