การออมเงินเพื่อลูกในอนาคต ซึ่งมีวิธีออมเงินหรือวิธีเก็บเงินมีมากมาย ในปัจจุบันคนให้ความใส่ใจกับเรื่องการออมเงินมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงภาวะเงินเฟ้อที่มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จำนวนเงินในบัญชีที่มีตัวเลขเท่าเดิมแต่มูลค่ากลับสวนทางลงในทุก ๆ ปี กับเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนทั้งจากภาวะสงคราม รวมทั้งความกังวลในอนาคตที่มีโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทำให้ผู้คนเกิดความกังวลและมีการวางแผนทางการเงินอย่างเป็นระบบ ยิ่งใครเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วยแล้วผลกระทบจากการไม่มีเงินออมหรือไม่มีการวางแผนทางการเงินจะยิ่งได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ที่อยู่ตัวคนเดียว เพราะจะกระทบไปถึงสมาชิกในครอบครัวอีกด้วย
ออมเงินเพื่อให้ได้ผลในระยะยาว
ออมเงินในระยะยาวให้ได้ผลตอบแทนที่ดีเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาอยากให้เป็นแบบนั้น แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ยิ่งคนที่มีลูกด้วยแล้วการอยากให้ลูกมีอนาคตและพื้นฐานทางสังคมหรือทางการศึกษาที่ดี “เงิน”
ถึงอย่างไรเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ดังนั้นพ่อแม่ที่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีควรเริ่มวางแผนการออมเงินตั้งแต่วันนี้และหาวิธีเก็บเงินที่เหมาะกับตัวเองในปริมาณที่เหมาะสม เมื่อเรารู้วิธีออมเงินที่เหมาะสมและมีเป้าหมายในการออมเงินแล้ว จึงค่อยหาวิธีนำเงินในส่วนนั้นไปต่อยอด แต่จำนวนเงินที่เราวางแผนจะเก็บในแต่ละเดือนนั้นต้องไม่เกินตัวจนเกินไปจะได้ออมเงินให้ได้ผลในระยะยาวและวิธีเก็บเงินแบบไหนดีที่สุด
ฝากเงินให้ลูกระยะยาวให้ชนะเงินเฟ้อ
ฝากเงินให้ลูกน้อย สำหรับพ่อแม่แล้ว มักจะตั้งเป้าหมายไว้มากกว่าสิบปีอย่างแน่นอน ก่อนที่ลูกจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก้าวเข้าสู่สังคมด้วยสองขาของตัวเองได้ การหาวิธีออมเงินที่ให้โดนผลกระทบจากเงินเฟ้อน้อยที่สุดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เงินออมหลักแสนของเราในวันนี้อาจจะมีค่าเพียงหลักหมื่นในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายของลูกในอนาคตที่จะปรับขึ้นในทุก ๆ ปี ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่ารถ ค่าเทอม ค่าเสื้อผ้า ให้พูดจนยืดยาวกว่านี้ก็ไม่หมด เพราะเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอให้ผู้ปกครองอย่างเราต้องตระหนักคิดที่จะหาวิธีออมเงินให้งอกเงย แต่ต้องมีความเสี่ยงในการเสียเงินต้นที่ต่ำเพื่อให้เงินถึงมือลูกอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่น การฝากเงินให้ลูกแบบฝากประจำก็ต้องให้ดอกเบี้ยใกล้เคียงกับเปอร์เซ็นต์เงินเฟ้อให้ได้มากที่สุด
ฝากเงินให้ลูกระยะยาวแบบไหนดี
ฝากเงินให้ลูกวิธีแรกที่เข้ามาในหัวเราคงหนีไม่พ้นการฝากประจำ แต่มีข้อแม้ที่สำคัญที่เราต้องนึกถึงคือต้องให้ดอกเบี้ยเงินออมได้ใกล้เคียงกับเงินเฟ้อให้มากที่สุด
1. เงินฝากประจำปลอดภาษี
เงินฝากประจำปลอดภาษี เป็นวิธีเก็บเงินที่สร้างวินัยการออมได้เป็นอย่างดี เอกสารสำหรับการเปิดบัญชีฝากเงินให้ลูกตั้งแต่แรกเกิด – อายุไม่เกิน 15 ปี ต้องใช้เอกสารดังนี้ สูติบัตร สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อลูก และบัตรประชาชนของผู้ปกครองที่ต้องเปิดบัญชีเป็นผู้ฝากเงินให้ลูก เพียงเปิดบัญชีฝากขั้นต่ำเพียงแค่ 500 บาท และเราสามารถตั้งโอนเงินล่วงหน้าได้ป้องกันการลืมและเสียประโยชน์ได้ การฝากเดือนต่อ ๆ ไปต้องเป็นจำนวนเงินเท่ากับจำนวนเงินที่เราเปิดบัญชี โดยเงื่อนไขการฝากจะมีทั้งแบบ 24 และ 36 เดือน ที่สำคัญคือดอกเบี้ยจากการออมเงินที่เราได้นั้นไม่ถูกหักภาษีอีกด้วย
2. ประกันสะสมทรัพย์
ประกันสะสมทรัพย์ วิธีเก็บเงินที่ต้องจ่ายเบี้ยตามระยะเวลาที่กำหนดสัญญาก่อนที่เราจะได้เงินก้อน และหากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับผู้จ่ายเบี้ยประกัน ลูกก็ยังได้รับความคุ้มครองต่อ จึงหมดห่วงปัญหาในส่วนนี้ได้วิธีออมเงินแบบนี้เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย หรือกังวลหากเกิดเหตุไม่คาดคิดในอนาคตซึ่งผู้จ่ายเบี้ยประกันสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ วิธีเก็บเงินแบบนี้จะช่วยป้องกันการเสียเงินต้นได้ แต่สำหรับพ่อแม่ที่อยากได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น ยังสามารถฝากเงินให้ลูกในรูปแบบกองทุนรวมก็มีความน่าสนใจเช่นกัน
3. ออมเงินให้ลูกผ่านกองทุนรวม
กองทุนรวม คือการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่รวมเงินจากนักลงทุนรายย่อย จะต้องมาลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อไปลงทุนตามนโยบายของกองทุนนั้น ๆ และมีผู้จัดการกองทุนคอยกำกับดูแล ซึ่งก็จะมีโอกาสที่เงินออมของเราจะงอกเงยจะขึ้นอยู่กับความเก่งของผู้จัดการกองทุนและความเข้าใจในนโยบายของกองทุนที่เราเลือก ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน ได้แก่
- กองทุนรวมตราสารหนี้ การออมเงินผ่านกองทุนที่นักลงทุนที่ถือตราสารมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และผู้ออกตราสารมีสถานะเป็นลูกหนี้
- กองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมเพื่อการออม โดยมีรูปแบบการลงทุนผ่านหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วิธีออมเงินให้ได้ผลตอบแทนที่ดีจะขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของผู้จัดการกองทุน จะเน้นการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนอิงไปกับดัชนีหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่มีความมั่นคงสูง และผันผวนต่ำ
- กองทุนแบบผสม กองทุนนี้จะนำเงินออมของคุณไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยผ่านดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญสูง
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว การออมเงินเพื่อลูกในอนาคตแบบไหนดีที่สุด และแบบไหนที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด เราจะต้องดูให้ดีเสียก่อน เพราะการออมเงินในแต่ละประเภทนี้ก็อาจจะไม่ได้เหมาะกับตัวเอง และอาจจะทำให้เราเกิดปัญหาทางการเงินได้อีกเช่นกัน