การลงทุนในหุ้นที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะหุ้นประเภทเทคโนโลยี แต่นักลงทุนนั้นจะต้องเข้าใจในเรื่องวัฏจักรเทคโนโลยี เพราะตามความคาดหวังและการเติบโตสู่การนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน หากวันใดวันหนึ่งที่ความคาดหวังนั้นลดลงอย่างรวดเร็ว ราคาหุ้นนั้นก็จะร่วงลงมา ดังนั้นนักลงทุนอาจจะต้องเข้าซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำ แต่นักลงทุนนั้นก็จำเป็นอย่างมากที่ต้องดูผลประกอบการว่ามีแนวโน้มอนาคตนั้นเป็นอย่างไร ดังนั้นก่อนจะลงทุนในหุ้น จะต้องศึกษาโอกาสเติบโตของเทคโนโลยี การลงทุนประเภทนี้ให้ละเอียด เพราะราคานั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
หุ้นเติบโต คืออะไร
หุ้นเติบโต หรือ Growth Stock คือ เป็นหนึ่งในประเภทหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ซึ่งจะเป็นหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการเติบโตมากกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของบริษัททั้งตลาดหุ้น โดยส่วนใหญ่แล้วรายได้จะเติบโตรวดเร็วกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ แต่กำไรจะยังคงน้อย เนื่องจากบริษัทจะนำผลกำไรที่ได้กลับไปลงทุนเพื่อเร่งขยายธุรกิจ ดังนั้น นักลงทุนจึงคาดหวังผลตอบแทนจากการขายหุ้นที่ราคาเพิ่มขึ้นในอนาคต
หุ้นประเภทนี้จะสร้างผลตอบแทนได้ดี เมื่อตลาดเป็นขาขึ้น แต่หากช่วงไหนที่ตลาดผันผวนนั้น ก็จะทำให้เป็นขาลง และจะมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวลง ซึ่งทำให้ผลประกอบการในอดีตไม่สามารคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตได้ เรื่องนี้จึงสำคัญอย่างมาก ๆ สำหรับนักลงทุนที่จะต้องยอมรับในจุดนี้ให้ได้
4 ข้อควรระวัง ก่อนเล่นหุ้นเติบโต
1. ไม่เข้าใจธรรมชาติของหุ้นเติบโต
เพราะการเติบโตของหุ้นนั้นเติบโตเร็วมาก ๆ ดังนั้นการลงทุนในประเภทเทคโนโลยีใหม่ต้องเข้าใจ ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องเข้าใจได้แก่
- Technology Trigger
เป็นช่วงแรกที่ทุกคนรู้จักเทคโนโลยีทำให้เกิดกระแสความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจมีการเปิดตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ แต่เทคโนโลยีที่เป็นกระแสความคาดหวังนั้นจะยังไม่สามารถใช้ได้จริง ทำให้ยังไม่มีกำไร เพราะขั้นนี้เป็นขั้นเริ่มต้นของธุรกิจ
- Peak of Inflated Expectations
เทคโนโลยีเข้าสู่กระแสหลักเรียบร้อยและกำลังได้รับความสนใจจากสังคมมาก ๆ พร้อมกับมีการนำมาใช้กว้างขวาง ซึ่งจุดนี้ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทจะผลักดันให้เทคโนโลยีประสบความสำเร็จหรือไม่ เช่น ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน, สร้างรายได้เพิ่มจนคุ้มทุนมีกำไร
- Trough of Disillusionment
กระแสความนิยมเริ่มหายไป ผู้ใช้เริ่มเห็นจุดบกพร่อง ข้อเสียของเทคโนโลยี และบางครั้งบางเทคโนโลยีอาจจะยังไม่สามารถใช้ได้จริง
- Slope of Enlightenment
ขั้นนี้เป็นขั้นที่บริษัทต้องทำงานอย่างหนักเพื่อผลักดันเทคโนโลยีเข้าสู่กระแสหลัก มีการพัฒนาประสิทธิภาพ ขณะที่ผู้ใช้ก็เข้าใจว่าเทคโนโลยีดังกล่าวใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไร จนถูกใช้งานเป็นวงกว้าง
- Plateau of Productivity
เทคโนโลยีนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว ช่วงนี้เทคโนโลยีจะมีความนิ่ง ถูกใช้เป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่กำลังเข้าสู่ขั้น Technology Trigger
2. ลงทุนเพราะราคาลงมาค่อนข้างมาก
หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าการซื้อตอนที่ราคาหุ้นนั้นลงมา เป็นจังหวะที่ดีมาก ๆ แต่สิ่งที่เราควรจะทำควบคู่ไปด้วยกัน ก็คือผลประกอบการว่ามีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร และมีประสิทธิภาพในการดำเนินการเป็นอย่างไร เพราะการที่ราคานั้นลงมาเยอะมาก ๆ นักลงทุนจะต้องวัดอัตราส่วยจาก ราคาต่อราคาขายว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคู่แข่งหรือไม่ เพื่อเป็นการติดตามแนวโน้มว่าเทคโนโลยีนั้นมีโอกาสใช้ได้จริงหรือไม่ และทำให้เห็นได้ชัดมากขึ้นว่าทางบริษัทนั้นมีประสิทธิภาพในการจัดการดีแค่ไหน
3. มองการเติบโตที่มากจนเกินไป
นักลงทุนมักจะมองเรื่องการเติบโตในอนาคตเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะก็จะทำให้เรานั้นวาดฝันไว้ว่าจะได้รับผลตอบแทนหรือผลกำไรเท่าไร แต่ก็อย่าลืมมองไปว่าเทคโนโลยีที่ใหม่เกิน ก็จะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจจะทำให้บริษัทนั้นอาจจะไม่ได้เติบโตได้อีก ดังนั้นนักลงทุนไม่ควรจะฟังแค่แนวโน้มเรื่องการเติบโตแบบกว้าง ๆ เท่านั้น จะต้องเข้าใจในรูปแบบทางธุรกิจ ที่มาจากรายได้ ผลประกอบการ ความเสี่ยง และความสามารถในการแข่งขัน เป็นต้น
4. อัตราส่วนการเงินนั้นไม่เหมาะสมกับการตัดสินใจลงทุน
ก่อนอื่นจะต้องเข้าใจว่าหุ้นเติบโต โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ มักจะไม่ค่อยมีกำไรหรือถ้ามีก็จะน้อยมาก ยิ่งอยู่ในช่วงกระแสนิยมที่กำลังหายไปนั้น ก็ยิ่งไม่ต้องนึกถึงกำไรไปเลย และนักลงทุนบางคนที่ใช้อัตราส่วนทางการเงินที่เทียบระหว่างราคาหารด้วยกำไรสุทธิต่อหุ้น ก็จะไม่อยากลงทุน เพราะมองว่าอัตราส่วนนั้นสูงมาก และก็จะทำให้นักลงทุนต้องใช้อัตราส่วนการเงินที่เหมาะสม เช่น บริษัทเติบโตที่ยังไม่มีกำไรควรใช้ Price-to-Sales วัดมูลค่า หรือถ้าธุรกิจกำลังมีกำไรก็ควรพิจารณา Price-to-Sales ควบคู่กับ อัตราส่วนทางการเงินที่เทียบระหว่างราคาหารด้วยกำไรสุทธิต่อหุ้น โดยดูคาดการณ์กำไรจากทั้งนักวิเคราะห์และผู้บริหาร
ดังนั้นไม่ว่าจะเล่นหุ้นเติบโต และก็จะต้องดู 4 ข้อควรระวังในการเล่นหุ้น นักลงทุนจะต้องตัดสินใจและต้องเข้าใจในรายละเอียดของหุ้นนั้น ๆ ด้วย เพราะจะทำให้เรานั้นสามารถสร้างกำไรได้ และไม่ทำให้เงินของเรานั้นขาดทุนไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม การตามข่าวสารในหุ้นที่เราลงทุนอยู่เรื่อย ๆ นั้นก็จะทำให้เราได้ตามกระแส เพื่อทำให้รู้ว่าช่วงเวลาไหนควรทำอย่างไร จะซื้อหรือจะขายดี เพราะเป็นสิ่งที่นักลงทุนนั้นจะต้องตัดสินใจ
credit : slothub888s