เงินฝากที่ได้รับอัตราดอกเบี้ยน้อยมาก ๆ ไม่คุ้มค่าที่จะนำเงินก้อนไปฝากเลย แล้วแบบนี้จะต้องทำอย่างไรดี เพราะเลือกลงทุนก็กลัวว่าจะไม่ได้ผลตอบแทนที่ดี หรือบางครั้งอาจจะทำให้เงินต้นของเรานั้นขาดทุนได้ แล้วแบบนี้การเลือกลงทุนที่ทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีมาก ๆ จะต้องเลือกแบบไหน ในบทความนี้ก็จะทำให้เข้าใจในการเลือกลงทุนมากขึ้น
K-My Invest เป็นผู้นำทางด้านการจองซื้อกู้ออนไลน์ และเป็นธนาคารผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้สูงสุดในช่วงปี 2565 ซึ่งใครที่กำลังวางแผนอยากจะลงทุนในหุ้นกู้หรือหลักทรัพย์อื่น ๆ จะต้องติดตามผ่านเว็บไซต์ K – My Invest จากธนาคารกสิกรไทย ที่ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว และลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง
หุ้นกู้ ก็คือตราสารหนี้ ที่ออกโดยเอกชน ซึ่งถ้าเราให้รัฐบาลยืม ก็จะเรียกว่าพันธบัตรรัฐบาล เหมือนเป็นสัญญาเงินกู้ระหว่างคนสองคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมสำหรับใช้ในกิจการต่าง ๆ ของบริษัท ได้แก่ เพื่อลงทุนขยายกิจการต่าง ๆ ซื้ออุปกรณ์ เป็นต้น โดยทั่วไปแล้วจะจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนปีละ 2 ครั้ง หรือทุก ๆ 6 เดือน แต่หุ้นกู้บางประเภทก็อาจจะจ่ายปีละ 4 ครั้งหรือทุก ๆ 3 เดือน
และจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหับการขายหุ้นกู้ให้แก่ประชาชนทั่วไป อยู่ระหว่าง 50,000 – 100,000 บาทขึ้นไป ในขณะที่การลงทุนในกองทุนรวมใช้จำนวนเงินเริ่มต้นในระดับต่ำตั้งแต่ระดับไม่กี่พันบาทจนถึงระดับ 10,000 บาทขึ้นไป
สิ่งที่เราจะต้องตัดสินใจลงทุนในหุ้นกู้
1. ความปลอดภัยของเงินลงทุน
นักลงทุนจะต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่เลือกลงทุนจากอันดับความน่าเชื่อถือที่สูง และความปลอดภัยที่สูง ก็จะหมายความว่า มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับชำระเงินคืนค่อนข้างต่ำ อันดับความน่าเชื่อถือนี้จะประเมินจากประวัติทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้สินของผู้ออกหุ้นกู้
สถาบันที่ทำหน้าที่จัดอันดับดังกล่าวมีอยู่ด้วยกันหลายแห่ง ได้แก่ Standard & Poor’s, Moody’s investors service, Fitch IBCA เป็นต้น สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันมีจำนวน 2 แห่ง คือ บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (Thai Rating and Information Services Co.,Ltd. : TRIS) และ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (Fitch Rating (Thailand) Limited) ความน่าเชื่อถือของผู้กู้ซึ่งจะต้องพิจารณาจากเครดิตจากกลุ่มระดับลงทุน หรือที่เรียกว่า Investment Grade อันดับความน่าเชื่อถือจะแบ่งเป็นหลายระดับ โดยทั่วไป หุ้นกู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มลงทุนได้ (Investment Grade) จะได้รับระดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB หรือ Baa
2. อัตราผลตอบแทน
หุ้นกู้ของบริษัทเอกชน จะเสนออัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีลักษณะและอายุคงเหลือใกล้เคียงกัน ผลตอบแทนส่วนที่เพิ่มสูงขึ้น จะเป็นการชดเชยให้ความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากหุ้นที่ออกโดยบริษัทเอกชนจะมีความผิดในด้านผิดนัดชำระมากกว่าพันธบัตรรัฐบาล
- อัตราผลตอบแทนปัจจุบัน จะเป็นอัตราผลตอบแทนที่คำนวณแบบง่าย ๆ จากผลตอบแทนต่อปีที่จะได้รับ เมื่อเทียบกับราคาหรือต้นทุนที่ซื้อมา โดยจะไม่ได้คำนึงอายุของตราสารหนี้
- อัตราผลตอบแทนคำนวณถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน เป็นอัตราผลตอบแทนที่มีการกล่าวถึงมากที่สุด เนื่องจากเป็นตัววัดผลอัตราผลตอบแทนโดยนวมของการถือตราสารหนี้จนถึงวันครบกำหนดอายุ ซึ่งจะคำนวณจากดอกเบี้ยรับตลอดช่วงอายุ
3. การกระจายความเสี่ยงของการลงทุน
เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ถือแม้ว่าหุ้นกู้อาจจะเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ของความต้องการของนักลงทุนในเรื่องของการกระจายความเสี่ยง โดยนักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนไปสู่ธุรกิจประเภทต่าง ๆ ซึ่งจะอิงจากอันดับความน่าเชื่อถือ
4. ระยะเวลาในการถือครอง
ระยะเวลาในการถือครองจนครบกำหนดเพื่อได้รับดอกเบี้ย หรือผลตอบแทนก็จะขึ้นอยู่กับราคาตลาด ณ วันที่ขาย ซึ่งแต่ก่อนการจะซื้อหรือจองซื้อหุ้นกู้นั้นเป็นอะไรที่ยุ่งยากเหมือนกับแต่ก่อน เพราะจะต้องไปถึงธนาคาร และหากเป็นหุ้นกู้ที่คนนิยมมาก ๆ ก็จะต้องไปแย่งกันจองที่หน้าธนาคารอีก แต่ในปัจจุบันนี้ก็สามารถใช้งานผ่านเว็บไซต์ K – My Invest ที่จะทำให้การจองหุ้นกู้เป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็วมากขึ้นอย่างมาก
5. สภาพคล่องการซื้อขาย
สภาพคล่องการซื้อขายในตลาดรองตราสารหนี้ คือ ความสามารถในการหมุนเวียนเปลี่ยนมือของหุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ที่ท่านลงทุนอยู่ โดยในกรณีที่มีสภาพคล่องสูงหมายถึงมีผู้ต้องการซื้อและต้องการขายตลอดเวลาทำให้สามารถซื้อหรือขายตราสารดังกล่าวได้ในตลาดรอง โดยมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นและลงของราคาหุ้นกู้ที่อยู่ในระดับที่ไม่มากนัก
และในกรณีที่ไม่มีสภาพคล่อง หมายถึงการซื้อขายเปลี่ยนมือกระทำได้ไม่สะดวกเนื่องจากไม่มีผู้ที่จะซื้อหรือจะขายมากนัก ราคาที่ซื้อขายอาจผิดปกติได้ในกรณีที่ต้องการขายหรือซื้ออย่างเร่งด่วน หุ้นกู้มักมีสภาพคล่องการซื้อขายต่ำกว่าพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากมูลค่าที่เสนอขายมีขนาดเล็กกว่าพันธบัตรรัฐมาก และลักษณะของนักลงทุนในหุ้นกู้มักเป็นการซื้อเพื่อลงทุน
สำหรับใคร ๆ ที่อยากจะได้ผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝากออมทรัพย์ แต่รับความเสี่ยงได้ไม่มากเท่าไร และก็ไม่ชอบความผันผวน แล้วแบบนี้เราจะเลือกลงทุนประเภท “หุ้นกู้” เพราะว่า หุ้นกู้ เป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนสำหรับผู้ที่อยากได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ มีความผันผวนน้อย แต่จะได้ผลตอบแทบที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และทางธนาคารกสิกรไทย สามารถซื้อหุ้นก็ออนไลน์ได้ และสามารถจองซื้อผ่านทางออนไลน์ได้เช่นกัน