นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 คน ได้แก่ เบน เกรแฮม และ วอเร็น บัฟเฟตต์ ที่สร้างรายได้ในการลงทุนไปจำนวนมาก แล้วทั้ง 2 นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่มีหลักคิดอย่างไร มีกลยุทธ์อย่างไร ซึ่งในบทความนี้จะเล่าถึงหลักการและแนวคิดของทั้ง 2 คน ทำให้เห็นทั้งกลยุทธ์ของแต่ละคน เพื่อให้เข้าใจในหลักความคิดมากขึ้น
เบน เกรแฮม
เบน เกรแฮม เป็นหนึ่งในนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นแบบที่วิเคราะห์และมีการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์อย่างเป็นระบบ
ก่อนอื่นเรามาดูประวัติของ เบน เกรแฮม กันก่อน โดยพื้นฐานครอบครัวของเบน เกรแฮม มีได้ปัญหาทางการเงิน ซึ่งทำให้ตัวเขามีแรงผลักดันในการศึกษาหาความรู้ จนกระทั่งได้เริ่มเข้ามาเป็นอาจารย์ ตลอดจนเริ่มได้เข้าลงทุน จากบริษัท โบรกเกอร์ หลังจากที่ได้ทำงานกับบริษัท โบรกเกอร์ ก็มีผลงานโดดเด่นอย่างมาก ต่อมาก็ได้เปิดบริษัทเป็นของตนเอง
เบน เกรแฮมได้มีแนวคิดการลงทุน Margin of Safety ที่ช่วยปกป้องนักลงทุนเน้นการเข้าซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าจริง ๆ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงได้ เชื่อว่านักลงทุนก็อยากที่จะเน้นความปลอดภัยในการลงทุนเป็นหลัก แต่เราสามารถเพิ่ม Margin หรือ Leverage ได้เมื่อพบว่าราคาต่ำกว่ามูลค่า
วิธีการคิดหามูลค่าหุ้น แบบเบน เกรแฮม ที่เชื่อในข้อมูลที่มีปริมาณจำนวนมาก เพราะว่าจะได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ ซึ่งได้ตั้งชื่อกลยุทธ์นี้ว่า net – net investment
กลยุทธ์ net – net investment
บริษัทจะต้องมีมูลค่าตลาด (Market cap) ในระดับที่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของมูลค่าที่แท้จริง ในกรณีที่กิจการล้มละลาย
- NCAV Net current asset value เป็นวิธีการที่นำหนี้สินมาหักลบกับสินทรัพย์ที่มีอยู่ ณ เวลานั้น และนำมาหารกับ Market cap เพื่อมาหามูลค่า
วิธีการคือ การนำสินทรัพย์หมุนเวียนมาลบการสินทรัพย์ที่ใช้ลดภาษี หนี้สินทั้งหมด ดอกเบี้ย หุ้นและทรัพย์สินนอกบัญชี
- NWC หรือการนำสินทรัพย์หมุนเวียนมาลบกันหนี้สินหมุนเวียน ได้แก่
การนำเงินสดและการลงทุนระยะสั้น + (0.75* บัญชีลูกหนี้) + (0.5* สินค้า) – หนี้สินทั้งหมด
การนำมูลค่าตลาดต่อหุ้นมาหารกับตัวเลขที่ได้
- เงินสดต่อหุ้น NET CASH
เป็นการนำเงินสดหรือสินทรัพย์เท่ากับเงินสด – หนี้สินทั้งหมด และหารกับจำนวนหุ้นทั้งหมด
เป็นการนำมูลค่าตลาดหุ้นหารด้วยมูลค่าเงินสดต่อหุ้น
- Sum of the parts
การนำมูลค่ารวมของธุรกิจมารวมกันเพื่อหามูลค่าทั้งหมดจากบริษัทที่แยกส่วนออกมาหรือควบรวมมา
ในแต่ละเทคนิคต่าง ๆ ควรที่จะเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ
วอเร็น บัฟเฟตต์
วอเร็น บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก และมีผลงานการลงทุนที่ทำได้สูงสุด 20% ต่อปีติดต่อกันกว่า 50 ปี
วิธีการคิดการลงทุนแบบวอเร็น บัฟเฟตต์ ที่เป็นนักลงทุนในตำนานของโลก ที่ใช้แนวคิดและวิธีการรับมือในการลงทุนระยะยาวให้กับนักลงทุน และสร้างความเข้าใจในการปรับตัวเพื่อพิชิตการลงทุน เพราะการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ทั้งวิกฤตทางเศรษฐกิจ พื้นฐานของหุ้นบริษัทที่แย่ลง แต่เพราะอะไร วอเร็น บัฟเฟตต์ ถึงได้เติบโตจนมีพอร์ตหลักล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งการลงทุนให้ประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว ไม่เพียงแต่จะต้องลงมือทำ แต่ยังต้องมีมุมมองและวิธีคิดในการลงทุนเสมอ
- การลงทุนที่ถูกต้อง ราคาที่เหมาะสม การลงทุนระยะยาว สินทรัพย์ที่มีคุณภาพ แบบนี้แล้วไม่ว่าจะเจอวิกฤตต่าง ๆ ความผันผวนต่าง ๆ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พอร์ตที่ดีก็จะสามารถผ่านไปได้อย่างไม่น่ากังวล
- การควบคุมอารมณ์ตนเอง ถึงแม้ว่าการลงทุนจะเป็นเรื่องของหลักการและเหตุผล แต่ในหลาย ๆ ครั้งนักลงทุนมักจะตัดสินใจซื้อหรือขาย โดยอิงจากความรู้สึก จะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน และผนวกกับเศรษฐกิจก็ไม่เป็นใจอีกหนึ่งปัจจัย เพราะการควบคุมอารมณ์ เพื่อตั้งสติทบทวนดูว่าการลงทุนว่ายังอยู่ในการลงทุนที่ถูกต้องอยู่หรือไม่
- การตัดสินใจพลาด ไม่น่ากลัวเท่า ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะคนที่ประสบความสำเร็จได้ไม่เคยก้าวผิดพลาด
- การลงทุนที่ดี ก็คือการลงทุนเพื่อตัวเอง เป็นการลงทุนในความรู้ ลงทุนในเรื่องสุขภาพ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีใครเอาไปจากคุณได้ ซึ่งเป็นการลงทุนที่ยิ่งลงทุนยิ่งเติบโต
- ช่วงเวลาในการซื้อหุ้นที่ดีที่สุดคือช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังขาย เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ราคาจะถูก และช่วงเวลาในการขายหุ้นที่ดีที่สุดก็จะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังเข้ามาซื้อเช่นกัน
ปรับมุมมองโดยใช้ DCA
การลงทุนระยะยาว กับความไม่แน่นอนเป็นของคู่กัน เพราะเราจะต้องเผชิญกับความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ วิกฤตต่าง ๆ ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีการปรับตัวขึ้นลงอยู่ตลอด และก็ไม่มีใครคาดการณ์ล่วงหน้าได้
กลยุทธ์ DCA (Dollar Cost Averaging) เป็นการเฉลี่ยต้นทุนสินทรัพย์ ที่เป็นการลงทุนรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี ในจำนวนเงินที่เท่า ๆ กัน ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงการลงทุนได้ต่ำ แต่จะต้องมีวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยลดการขาดทุนในพอร์ต และช่วยสร้างผลตอบแทนได้
ได้อ่านสุดยอดนักลงทุนทั้ง 2 คนที่มีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว ดังนั้นเราควรจะนำปรับใช้ให้เข้ากับตนเอง อย่างไรก็ดีการหาความรู้และปรับเปลี่ยนมุมมองในการลงทุนก็เป็นทางเลือกที่อาจจะทำให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนได้