เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ก่อนซื้อประกันชีวิต

ความรู้เบื้องต้นการเงิน

แน่นอนว่าประกันชีวิต เป็นสินค้าที่สำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตของทุก ๆ คนเลย และเป็นสินคพียงชิ้นเดียวที่จะทำให้เราสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างดีมากขึ้น แต่ก่อนที่เราจะสามารถวางแผนทางการเงินได้นั้นจะต้องมีความรู้เรื่องประกันชีวิตก่อนที่เราจะเลือกซื้อ เพราะเราจะต้องเลือกสินค้าประกันให้เข้ากับตัวเรามากที่สุด และจะต้องเหมาะสมกับสภาวะทางการเงินของตัวเราอีกเช่นกัน และในบทความนี้จะพามาดูสิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนจะเลือกซื้อประกันชีวิต และควรจะแบ่งเงินอย่างไรในการเลือกซื้อประกัน

3 สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนจะเลือกซื้อประกันชีวิต

1. ประกันชีวิตเป็นสินค้าทางการเงินที่มีไว้เพื่อบริหารความเสี่ยง 

เพราะข้อดีที่สุดของประกันชีวิตนั้นเป็นเรื่องของการบริหารความเสี่ยง ทุก ๆ คนจะไม่รู้เลยว่าเราจะเจ็บป่วยเมื่อไร จะมีชีวิตได้ยาวนานแค่ไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นสินค้าที่มีไว้เพื่อลดความเสี่ยงให้กับตนเองได้เป็นอย่างดี 

แต่หลาย ๆ คนก็มักจะมองว่า ประกันนั้นทำไปก็ไม่คุ้มหรอก เสียเปรียบแน่นอน หากยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น เราซื้อรถยนต์มา 1 คัน โดยส่วนใหญ่ก็จะซื้อประกันไว้ เพราะถ้าเกิดเหตุต่าง ๆ เราก็จะไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าซ่อม ค่าเสียเวลา ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วยตัวเองเลย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่แล้ว ดังนั้นก็เหมือนกันกับการซื้อประกันชีวิต

2. ประกันชีวิต มีหลายประเภท จะต้องเลือกให้ดีเสียก่อน 

ประกันชีวิตมีแบบไหนบ้าง ซึ่งจะมีทั้ง 5 แบบ ต้องเช็กให้ดีก่อนที่จะเลือกซื้อเสมอ 

  1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา คุ้มครองแค่ช่วงเวลาที่จ่ายค่าเบี้ยเท่านั้น และความคุ้มครองตามที่ตกลงไว้ เช่น จ่ายค่าเบี้ย 5 ปี คุ้มครอง 5 ปี เงินคุ้มครอง 2,000,000 บาท แต่หากครบ 5 ปีแล้วก็จะไม่ได้เงินคืนแต่อย่างใด
  2. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ชำระค่าเบี้ยตามระยะเวลาที่ตกลง ได้แก่ 10 – 20 ปี แต่ได้ทุนประกันตลอดชีวิตจนถึง 80 – 90 ปี 
  3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เป็นประกันที่จ่ายเบี้ยประกันแล้วจะได้รับเงินคืนมากกว่าค่าเบี้ยที่จ่าย เช่น จ่ายค่าเบี้ย 10 ปี แต่จะได้รับความคุ้มครอง 15 ปีพร้อมกับได้รับเงินคืน 10% ต่อปี
  4. ประกันชีวิตแบบบำนาญ ประกันที่ใช้ในยามเกษียณ ควรจะวางแผนตั้งแต่อายุน้อย ๆ เพื่อให้มีเงินใช้ในยามที่เราเกษียณ
  5. ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน เป็นประกันที่สามารถนำเงินค่าเบี้ยไปลงทุนได้ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการลงทุนไปพร้อม ๆ กับมีประกันชีวิต

ซึ่งประกันชีวิตแต่ละประเภทนั้นก็จะเหมาะสมกันคนละอย่าง ดังนั้นการจะซื้อประกันนั้นจะต้องตรวจสอบเป้าหมายทางการเงินของตัวเราให้ดีเสียก่อน เพราะประกันนั้นจะออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเพียงหนึ่งอย่าง 

3. ทำประกันชีวิต แต่ไม่ทำตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ไม่คุ้มแน่นอน

ประกันชีวิตที่เป็นประเภทกำหนดชัดเจนว่า จ่ายค่าเบี้ยกี่ปี คุ้มครองกี่ปี ซึ่งทำให้เรารู้ล่วงหน้าว่าในแต่ละปี เราจะต้องจ่ายเงินเท่าไร ได้ทุนประกันเท่าไร รวมไปถึงจะได้เงินคืนเท่าไร ดังนั้นข้อจำกัดแบบนี้เมื่อเราทำประกันแล้วก็ควรจะปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด หากไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ ก็อาจจะไม่ได้เงินคืนเลยสักบาท

ตัวอย่างเช่น เราจ่ายเบี้ยประกัน ปีละ 20,000 บาท แต่ปีต่อมาหมุนเงินมาไม่ทัน และจ่ายไม่ไหว ก็จะต้องยกเลิกกรมธรรม์ ผลก็คือเราจะไม่ได้เงินคืนเลยแม้แต่บาทเดียว 

3. ทำประกันชีวิต แต่ไม่ทำตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ไม่คุ้มแน่นอน

แล้วจำเป็นจะต้องแบ่งเงินมาซื้อประกันอย่างไร ให้เหมาะสมกับตัวเรา

หากคิดรายได้ทั้งหมด เป็น 100% การที่เราจะเลือกซื้อประกันนั้นก็จะไม่ควรเกินปีละ 10% เพราะเราทุกคนล้วนมีรายจ่ายมากมาย ซึ่งรายจ่ายหลัก ๆ ได้แก่

  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ประมาณ 30%
  • ค่าผ่อนอสังหาริมทรัพย์ ค่าผ่อนรถยนต์ ประมาณ ​35%
  • ภาษีต่าง ๆ และประกันสังคม ประมาณ​ 15%
  • เงินออมเพื่อเป้าหมายทางการเงิน ประมาณ ​10%
  • ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ รวมไปถึงประกันอุบัติเหตุ ประมาณ​ 10%

สัดส่วนที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสัดส่วนที่ไม่ได้ตายตัว ซึ่งจะเป็นอัตราส่วนโดยประมาณ เพราะรายจ่ายประเภทค่าผ่อนอสังหาริมทรัพย์ ค่าผ่อนรถยนต์ จะขึ้นอยู่กับแต่ละคน ว่าถ้าหากมีก็อาจจะไม่ได้ตามอัตราส่วนข้างต้นก็ได้ แต่หากบางคนที่ไม่ได้มีหนี้ผ่อนอสังหาริมทรัพย์ หรือหนี้ผ่อนรถยนต์  ก็สามารถนำส่วนนี้ไปออมเพิ่มน่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

แต่หากใครที่มีภาระทางการเงินที่มากจริง ๆ ก็จะแนะนำว่า หากต้องการนำเงินมาซื้อประกันชีวิตนั้นจะต้องไม่เกิน 15% เพราะจะได้ไม่เป็นภาระทางการเงินในแต่ละปีมากจนเกินไป และในอนาคตจะได้ไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันทางการเงิน เราจะสามารถแบ่งเงินมาจ่ายค่าเบี้ยประกันต่อไปได้ เพราะค่าเบี้ยนั้นไม่ได้สูงจนเกินไป 

สินค้าประกันชีวิตเป็นสินค้าทางการเงินที่ดีมาก ๆ ที่สามารถจะช่วยเราในยามที่เราลำบากได้ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขอย่างละเอียด เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของข้อมูล และจะต้องเลือกที่จะประกันให้เหมาะกับตัวเองด้วย เพราะแต่ละคนก็จะมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน ก็จะเลือกซื้อประกันที่ต่างกันไป หากเราเลือกประกันชีวิตที่ผิด ก็จะทำให้ตัวเรานั้นพลาดโอกาสที่เราควรจะได้ หรืออาจจะสูญเสียเงินที่จ่ายค่าเบี้ยนั้นไปโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย แม้แต่ความคุ้มครองและผลตอบแทนของประกัน

ไฮโลไทย

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG