จะเป็นวัยรุ่น หรืออยู่ในช่วงวัยไหน? การมีสุขภาพร่างกายที่ดีก็ถือเป็นลาภอันประเสริฐ จริงมั้ย? เพราะเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องธรรมชาติที่ห้ามกันไม่ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้การเตรียมพร้อมรับมือกับโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และสำรองเงินเพื่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล จึงเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ แต่เมื่อคิดได้แบบนี้ ก็ใช่ว่าจะเลือกประกันสุขภาพอะไรก็ได้นะ เพราะยุคนี้อะไรต่อมิอะไรก็ราคาสูงไปหมด แถมงบก็มีจำกัดด้วย แถมภาระค่าใช้จ่ายยังเรียงรายต่อแถวอีกเพียบ ดังนั้นก่อนที่จะวางแผนซื้อประกันสุขภาพทั้งแบบปกติ และประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะต้องทำความเข้าใจกับทั้งสองสิ่งนี้ก่อน
การเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพสุขของคุณเอง นอกจากนั้นยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ, ประวัติสุขภาพ, รายได้, และความคุ้มครองที่ต้องการ ดังนั้น หากคุณกำลังสนใจที่จะซื้อประกันสุขภาพ นี่คือบางประเภทของแผนที่คุณอาจพิจารณา
1. ประกันสุขภาพรายบุคคล (Individual Health Insurance)
ประเภทของประกันที่คุ้มครองสุขภาพของบุคคลแต่ละคนโดยตรง โดยไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรหรือที่ทำงานของคุณ นี่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่ไม่ได้รับประกันสุขภาพผ่านทางองค์กรหรือต้องการความคุ้มครองที่เพิ่มเติมนอกเหนือจากกรมธรรม์ที่มีอยู่ในปัจจุบันของพวกเขา
ประกันสุขภาพรายบุคคลมักมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว้างขึ้นเมื่อเทียบกับประกันสุขภาพที่ได้รับจากที่ทำงาน คุณอาจได้รับความคุ้มครองสำหรับการรักษาพยาบาลทั่วไป การเยี่ยมชมแพทย์เฉพาะทาง การรักษาในโรงพยาบาล การฝังเข็ม การตรวจสุขภาพประจำปี และความคุ้มครองสำหรับโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นในอนาคต แต่รายละเอียดและความคุ้มครองที่เป็นไปได้ขึ้นอยู่กับแผนประกันสุขภาพที่คุณเลือก
การเลือกประกันสุขภาพรายบุคคลควรพิจารณาตัวเลือกที่แตกต่างกันรวมถึง
- เบี้ยประกัน เราจะควรพิจารณาเบี้ยประกันที่คุณสามารถรับได้ในกระเป๋าของคุณ และตรวจสอบว่ามีการชำระเบี้ยรายปี รายเดือน หรือรายไตรมาสเท่าไร
- ความคุ้มครองของประกัน ตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มครองของแผนประกันสุขภาพ เช่น การคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั่วไป การคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน การคุ้มครองสำหรับการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสำหรับโรคร้ายแรง และอื่น ๆ
- รายละเอียดและข้อจำกัด เราจำเป็นที่จะต้องอ่านและเข้าใจรายละเอียดแผนประกันสุขภาพอย่างละเอียด รวมถึงข้อจำกัดที่อาจมีอยู่ เช่น เงื่อนไขการเคลม ระยะเวลาการรักษาความคุ้มครอง และการยกเว้นในเงื่อนไขโรคที่ประกันไม่คุ้มครอง
2. ประกันสุขภาพครอบครัว (Family Health Insurance)
การมีประกันสุขภาพครอบครัวมีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากมันทำให้คุณสามารถคุ้มครองสุขภาพของทุกคนในครอบครัวได้ในค่าเดียว นอกจากนี้ยังมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว้างขึ้นเมื่อเทียบกับประกันสุขภาพรายบุคคล ถ้าคุณมีครอบครัวหรือผู้อื่นที่คุณต้องการให้คุ้มครองด้วยประกันสุขภาพเช่นเดียวกับคุณเอง คุณอาจพิจารณาเลือกแผนประกันสุขภาพครอบครัว แผนนี้จะคุ้มครองสมาชิกทุกคนในครอบครัวในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์หรือเมื่อต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล
คุณสามารถเลือกแผนประกันสุขภาพครอบครัวที่เหมาะสมโดยพิจารณาตัวเลือกต่าง ๆ ดังนี้
- จำนวนสมาชิกที่คุณต้องการคุ้มครอง เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลัก ๆ ที่คุณจะต้องตัดสินใจ และสามารถเลือกแผนที่รวมคู่สามีภรรยาหรือเพื่อนร่วมชีวิต รวมถึงบุตรหรือสมาชิกครอบครัวที่อยู่ในอายุต่าง ๆ
- เบี้ยประกัน พิจารณางบประมาณที่คุณสามารถใช้ได้เพื่อชำระเบี้ยประกัน ความสำคัญที่สุดคือเลือกแผนที่เบี้ยประกันเหมาะสมและเข้ากับงบประมาณของคุณ
- ความคุ้มครอง ตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มครองของแผนประกันสุขภาพครอบครัว เช่น ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป ค่าฝังเข็ม การตรวจสุขภาพประจำปี และการคุ้มครองสำหรับโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นในอนาคต
- รายละเอียดและข้อจำกัด อ่านและเข้าใจรายละเอียดแผนประกันสุขภาพครอบครัว รวมถึงข้อจำกัดที่อาจมีอยู่ เช่น เงื่อนไขการเคลม ระยะเวลาการคุ้มครอง และการยกเว้นโรคประจำตัวที่มีมาก่อนซื้อประกัน
3. ประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ (Health Insurance for Seniors)
ประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุมีความสำคัญเพราะเป็นช่วงเวลาที่ควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและการรักษาโรคที่อาจมีความซับซ้อน รวมถึงความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ที่สูงขึ้น หากคุณอายุมากกว่า 60 ปีและต้องการประกันสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ คุณอาจต้องการความคุ้มครองที่เฉพาะเจาะจงสำหรับโรคที่พบบ่อยในวัยรุ่นที่มีอายุ รวมถึงความคุ้มครองสำหรับการรักษาในโรงพยาบาลหรือสถานบริการสุขภาพเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้สูงอายุ
เมื่อคุณพิจารณาประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ ควรพิจารณาคุ้มครองที่ครอบคลุมต่อไปนี้
- ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป ควรมีความคุ้มครองสำหรับค่ารักษาพยาบาลทั่วไป เช่น การพบแพทย์ทั่วไป การทำการตรวจสุขภาพประจำปี การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การตรวจวินิจฉัย และการซื้อยา
- การคุ้มครองสำหรับโรคเรื้อรัง ควรมีความคุ้มครองสำหรับโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
- ค่ารักษาพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต ควรมีความคุ้มครองสำหรับการรักษาสุขภาพจิต เช่น การเข้ารับการปรึกษาจิตเวช การรักษาโรคสมาธิสั้น หรือโรคซึมเศร้า
- การคุ้มครองสำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ ควรมีความคุ้มครองสำหรับการรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพหลังจากการผ่าตัดหรือการรักษาอื่น ๆ
นอกจากนี้ ควรพิจารณาโรงพยาบาลที่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายของประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมและมีคุณภาพได้ อย่าลืมอ่านและเข้าใจข้อจำกัดและเงื่อนไขของแผนประกันสุขภาพด้วย และหากคุณต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม คุณควรพูดคุยกับตัวแทนประกันสุขภาพหรือผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อให้คุณได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับสถานการณ์ของคุณ