เงินเดือนแค่นี้จะผ่อนคอนโดไหวได้ยังไง

เงินเดือน

เมื่อมนุษย์เงินเดือนมีรายได้ไม่มาก เราจะสามารถซื้อคอนโดได้จริงหรือ อย่างแรกเลยเราจะต้องเช็คความพร้อมทางการเงินของตัวเราเอง ซึ่งจะต้องประกอบกับรายจ่ายทั้งหมดของเราตลอดทั้งเดือนด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ให้กระทบกับการใช้ชีวิตของเรามากจนเกินไป และไม่ควรเกิน 35 – 40 % ของรายได้ทั้งหมดในแต่ละเดือน เพราะว่าโดยทั่ว ๆ ไปแล้วทางธนาคารจะไม่ปล่อยวงเงินกู้ให้เรา 100% จะให้กู้แค่ 80 – 90 % จากราคาคอนโดเท่านั้น ดังนั้นเราจะต้องเตรียมเงินส่วนต่างที่เหลือไว้ด้วยเช่นกัน

การผ่อนคอนโด เป็นหนึ่งในที่มนุษย์เงินเดือนมักจะทำ ยิ่งเป็นคนที่ทำงานมาได้สักพัก เริ่มมีเงินเก็บไปได้สักจำนวนหนึ่งก็จะเริ่มอยากจะมีคอนโดเป็นของตนเอง ให้อยู่ใกล้ที่ทำงาน หรือแนวรถไฟฟ้าต่าง ๆ เพื่อสะดวกในการเดินทาง หรือบางคนก็อาจจะลงทุนเพื่อหาค่าเช่า แต่เราจะต้องมีรายได้เท่าไรถึงจะสามารถยื่นกู้ได้

เมื่อเริ่มทำงานอาจจะมีรายได้ประมาณ 20,000 – 30,000 บาทต่อเดือน แล้วจะสามารถผ่อนไหวไหม ซึ่งก่อนที่เราจะผ่อนคอนโด จะต้องวางแผนการเงินให้เป็นอย่างดีและจะต้องรอบคอบทุกครั้ง แต่หากวางแผนไม่ดี เราผ่อนไม่ไหว ก็จะไม่รู้จะหาเงินจากทางไหนมาผ่อนให้ทันในแต่ละเดือน จะทำให้กระทบต่อการเงินของเราอย่างมาก ๆ เช่นกัน ดังนั้นหากเราต้องการจะสร้างทรัพย์สินอะไรขึ้นมา ก็ควรที่จะไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตของเราเช่นกัน เพราะมิฉะนั้นก็จะทำให้เราเกิดความทุกข์ในชีวิตอย่างมาก ๆ 

วิธีเช็คความพร้อมก่อนการผ่อนคอนโด

วิธีเช็คความพร้อมก่อนการผ่อนคอนโด

อันดับแรกควรเช็คความพร้อมทางการเงินของเรา วิธีการง่าย ๆ นำรายได้ต่อเดือนมาคูณกับ 50 ซึ่งก็จะได้ราคาคอนโดที่เราสามารถผ่อนคอนโดไหว ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน ราคาคอนโดที่เราสามารถซื้อได้คือ 1,000,000 บาท

ทำไมต้องคูณกับ 50 เพราะอะไร เพราะว่าทางธนาคารส่วนใหญ่จะให้วงเงินกู้ที่ประมาณ 50 เท่าของฐานเงินเดือน แต่อาจจะมีได้มากกว่า 50 จะขึ้นอยู่กับความมั่นคงของการงานและประวัติเครดิตทางการเงินของตนเอง

อย่างถัดมา เราจะต้องดูจำนวนเงินที่จะต้องผ่อนต่อเดือน อย่างที่เคยได้ยินมาว่า ผ่อนจำนวนล้านละ 6,000 บาท ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ก็จะมาจากการที่ทางธนาคารเขาคิดคำนวณแล้วว่าจำนวนเงินผ่อนต่อเดือนที่เหมาะสม ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันมากจนเกินไป ไม่ควรเกิน 35 – 40 % ของรายได้ต่อเดือน ตัวอย่าง ราคาคอนโด 1,000,000 บาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี แสดงว่าเราต้องผ่อนต่อเดือนประมาณ 6,000 บาท

เมื่อเรานำเงินเดือนมาลบกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว ก็จะยังคงมีเงินเหลือเพียงพอกับการผ่อนคอนโดเดือนละ 6,000 บาท และเราก็ยังคงที่จะต้องมีเงินเก็บเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องค่ารักษาพยาบาล เหตุฉุกเฉินอื่น ๆ 

และสิ่งที่ต้องรู้ก่อนจะขอสินเชื่อบ้านสำหรับมือใหม่

และสิ่งที่ต้องรู้ก่อนจะขอสินเชื่อบ้านสำหรับมือใหม่

1. เข้าใจสินเชื่อบ้านเบื้องต้น

สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ซื้อบ้าน จะต้องศึกษาหาข้อมูลเพื่อขอสินเชื่อบ้าน หากไม่มีความรู้พื้นฐานทางด้านการเงิน อาจจะมองว่าเป็นเรื่องสับซ้อนอย่างมาก

สินเชื่อบ้านก็จะมีวัตถุประสงค์แตกต่างออกไป ได้แก่

  • ขอสินเชื่อเพื่อนำไปซื้อที่อยู่อาศัย เช่น บ้านเดี่ยว คอนโด ทาวน์โฮม ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์
  • ขอสินเชื่อเพื่อนำไปซื้อที่ดิน
  • ขอสินเชื่อเพื่อนำไปปลูกสร้าง ซ่อมแซม ต่อเติมหรือตกแต่งบ้าน
  • ขอสินเชื่อเพื่อนำไปซื้อบ้านมือสอง

สินเชื่อบ้านเพื่อที่อาศัย เป็นสินเชื่อเงินกู้ที่ทางสถาบันการเงินปล่อยเงินกู้เกี่ยวกับการซื้อบ้าน คอนโด หรือสร้างที่อยู่อาศัย โดยทางธนาคารจะประเมินวงเงินกู้ให้กับผู้กู้ ถ้าเป็นการกู้เพื่อซื้อบ้านหรือคอนโดก็จะเป็นการประเมินราคาของราคาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อคำนวณวงเงินกู้ให้ผู้กู้ ดังนั้นผู้กู้ก็จะต้องชำระเงินคืน ก็จะต้องมี “เงินต้น” “ดอกเบี้ย” และจะให้ชำระอยู่ในกรอบเวลาตามตกลง ซึ่งอาจจะมีระยะเวลายาวนานตั้งแต่ 10 – 30 ปี 

2. ดอกเบี้ยเงินกู้

ดอกเบี้ยนั้นเป็นเรื่องที่ผู้กู้เงินจำเป็นต้องรู้ ซึ่งสำหรับสินเชื่อบ้านถือว่าเป็นสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานมาก ซึ่งวิธีการคิดคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ก็จะใช้วิธีแบบเงินต้นลดและดอกเบี้ยก็ลดตาม ซึ่งจะเป็นการคิดดอกเบี้ยตามจำนวนเงินต้นที่เหลืออยู่ 

3. หาข้อมูลสินเชื่อบ้านของแต่ละธนาคาร

สินเชื่อบ้าน หลาย ๆ ทางธนาคารก็จะมีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพื่อให้ตอบโจทย์ในเรื่องบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเพื่อซื้อสร้างที่อยู่อาศัย สินเชื่อเพื่อต่อเติม ซ่อมแซมบ้าน หรือสินเชื่อเพื่อตกแต่งบ้าน เป็นต้น 

ดังนั้นสินเชื่อบ้านก็จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับตนเอง ทั้งแผนการชำระเงินกู้ เพราะแต่ละสินเชื่อก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ได้แก่ เงื่อนไข โปรโมชั่น อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาในการผ่อนชำระ และการลดหย่อนค่าธรรมเนียมบางประมาณ เป็นต้น

4. การบริหารหนี้สินและการผ่อนชำระ

การบริหารหนี้สินและการชำระหนี้สินให้ตรงตามกำหนด ก็ถือเป็นวินัยที่สำคัญอย่างมาก และก็จะทำให้ประวัติทางการเงินไม่มีปัญหา ซึ่งจะทำให้ส่งผลต่อการขอสินเชื่อบ้าน เพราะหากเราไม่มีประวัติทางการเงินที่เสีย ก็จะทำให้เรามีโอกาสอนุมัติเงินกู้ที่สูงมากขึ้น นอกจากนี้การผ่อนชำระหนี้ให้ตรงเวลาก็จะส่งผลดีต่อทั้งผู้กู้ เพราะจะทำให้เราสามารถปลดหนี้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด

เงินเดือนน้อยเราก็สามารถผ่อนคอนโดได้ แต่เราก็ควรจะบริหารทางการเงินของตนเองให้ดี เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเงินและในการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเราเช่นกัน เพราะเนื่องจากบ้านนั้นก็จะมีรายจ่ายอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ดังนั้นจะต้องทำรายรับรายจ่ายตลอด เพื่อทำให้เราบริหารหนี้สินได้ดีมากขึ้นเช่นกัน

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG