แอพพลิเคชั่นกู้เงินที่ถูกกฎหมาย จำเป็นต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง และตรวจสอบได้จากรายชื่อผู้บริการให้สินเชื่อในเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้นการเลือกยืมเงินจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัยต่อสวัสดิภาพในชีวิตและทรัพย์สินมากกว่า วันนี้จะรวบรวม 7 แอพพลิเคชั่นเงินกู้ที่ถูกกฎหมายมาแนะนำ
แอพพลิเคชั่นกู้เงินถูกกฎหมาย ได้เงินจริง ๆ จะตรวจสอบอย่างไร
1. ต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแล

ไม่ว่าจะเป็นแอปกู้เงินของธนาคาร จะถูกกฎหมายได้ต้องเป็นบริการให้สินเชื่อที่ได้รับใบอนุญาตแล้วเท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแล ก็เพื่อความปลอดภัยของลูกหนี้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ให้เจ้าหนี้ ชื่อ เบอร์ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน จะไม่นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้อย่างผิดกฎหมาย
ขั้นตอนการตรวจสอบ
- เข้าเว็บไซต์ของธนาคารกลาง ให้ใส่ชื่อของผู้ที่ให้บริการที่ช่องค้นหา
- หากมีชื่อแหล่งกู้เงินนั้นปรากฏในรายชื่อ ก็จะเท่ากับว่าแอปนั้นถูกกฎหมาย ถ้าหากไม่มีชื่อปรากฏจะไม่ค่อยแนะนำให้กู้ยืมเงินจากแอปนั้น ๆ
2. แอพพลิเคชั่นกู้เงินที่ถูกกฎหมาย จะมีอัตราดอกเบี้ยไม่เกินกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
- สินเชื่อส่วนบุคคล อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 25% ต่อปี ในสำหรับสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน ซึ่งจะไม่เกิน 24%
- สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ เมื่อคำนวณรวมกันแบบลดต้นลดดอก จะต้องไม่เกิน 33%
- บัตรเครดิต จะคำนวณรวมกับแบบลดต้นลดดอก จะต้องไม่เกิน 16% ต่อปี
- ผู้ให้บริการอื่น ๆ จะไม่ให้คิดดอกเบี้ยเกิน 15% ต่อปี
3. แอพพลิเคชั่นกู้เงินที่ถูกกฎหมาย จะเปิดเผยข้อมูลดอกเบี้ย ค่าบริการ และเบี้ยปรับอย่างละเอียด

การกู้ยืมเงินผ่านช่องทางออนไลน์ จะทำให้เราไม่ต้องเข้าไปที่ธนาคารสาขา และสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้บางครั้งดูเหมือนไม่มีตัวตน แต่ถ้าเป็นแอพพลิเคชั่นที่น่าเชื่อถือก็มักจะมีช่องทางในการติดต่อชัดเจน และมีระบุรายละเอียดในการกู้ยืมอย่างตรงไปตรงมา ทั้งอัตราดอกเบี้ย ค่าบริการ เงื่อนไขต่าง ๆ รวมไปถึงวงเงิน และระยะเวลาในการผ่อนชำระคืนเงิน
4. ไม่เรียกเก็บค่าดำเนินการก่อนทำสัญญา
ทางแอพพลิเคชั่น ประเภทที่เราต้องโอนเงินให้เขาก่อนถึงจะกู้เงินได้ ขอให้รู้ไว้เลยว่าเป็นมิจฉาชีพแน่นอน และไม่ต้องเสียเวลาทำธุรกรรมเหล่านั้นเลย ซึ่งเราไม่มีทางที่จะได้รับเงินอย่างแน่นอน หรือประเภทแอพพลิเคชั่นที่ทำโฆษณาชวนเชื่อที่ดูน่าสนใจมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยที่ต่ำมาก ๆ ให้วงเงินสูง ๆ จนดูแตกต่างจากความเป็นจริง แนะนำให้เราข้ามไปเลย เพราะแทนที่เราจะได้เงินมาใช้ กลับเป็นสูญเงินแทนก็เป็นไปได้นะ
หรือถ้าใครที่ไม่อยากกู้เงินผ่านแอพพลิเคชั่น และอยากไปคุยกับทางธนาคารมีขั้นตอนอย่างไรที่ทำให้ผ่านได้ เพราะก่อนที่เราจะขอยื่นกู้เงินกับธนาคารไหน ธนาคารก็จะมีการเช็คเครดิตต่าง ๆ เพื่อเป็นการตรวจสอบประวัติการชำระสินเชื่อต่าง ๆ ถ้าหากชื่อของเราขึ้นในเครดิตบูโรว่าเรามีการค้างชำระ ก็จะทำให้ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ได้ยากมากขึ้นเช่นกัน และเรามาดู 5 เทคนิค Credit Scoring กัน
1. ลดจำนวนหนี้เดิม หยุดสร้างหนี้ใหม่
ยอดหนี้คงเหลือทั้งหมด สามารถบอกได้ว่าการชำระหนี้ที่จะกู้ยืมได้ในอนาคต ซึ่งโดยเทียบกับเงินเดือนของเราแล้ว กับจำนวนหนี้สินทั้งหมด และหนี้สินที่เกิดใหม่ แต่ถ้าหากยอดหนี้สินคงเหลือค่อนข้างมาก และทำให้มีความเสี่ยงสูงตามสภาพคล่องของเราก็จะลดลง และความสามารถในการชำระหนี้สินก็จะน้อยลง ทำให้ผู้กู้นั้นจะรู้สึกว่าหนี้จะสูญ และอาจจะทำให้เราพลาดโอกาสในการได้สินเชื่อนั้น ๆ
2. จ่ายหนี้ตรงเวลา
การจ่ายหนี้ตรงเวลา ถือเป็นความรับผิดชอบทางการเงินอย่างหนึ่งที่แสดงถึงว่า ผู้กู้จะไม่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน แต่ถ้าในบางกรณี ถึงแม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน แต่กลับจ่ายเงินไม่เคยตรงเวลา ก็จะทำให้ผู้ให้กู้ไม่มั่นใจในตัวเรา ว่าจะได้เงินคืนทั้งหมดไหม เพราะสิ่งที่ผู้ให้กู้ หรือสถาบันทางการเงินนั้นก็จะมองว่า การชำระหนี้ช้า เหมือนมีปัญหาทางการเงินได้ด้วยเช่นกัน
3. ชำระบัตรเครดิตให้เท่ากับหรือมากกว่าขั้นต่ำ
จำนวนบัญชีที่มีประวัติการชำระที่ดีนั้นจะมีผลต่อการให้สินเชื่อ นอกจากการจ่ายหนี้ให้ตรงเวลา เพราะการชำระหนี้บัตรเครดิตก็ควรที่จะจ่ายมากกว่าขั้นต่ำ เพราะการจ่ายน้อยกว่าขั้นต่ำ นอกจากจะมีดอกเบี้ยที่ถูกปรับให้แพงมากขึ้นแล้ว ก็จะแสดงถึงตัวเราเองนั้นขาดสภาพคล่องทางการเงิน จนทำให้เรานั้นยอมให้ทางสถาบันทางการเงินนั้นปรับได้
4. ขอลดอัตราดอกเบี้ยด้วยวิธียื่นขอรีไฟแนนซ์
การมีหนี้ที่มากจนเกินไป ทั้งสินเชื่อที่อยู่อาศัย หนี้บัตรเครดิต และหนี้บัตรกดเงินสด อย่างบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก ๆ ซึ่งจะมีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 28% และการขอรีไฟแนนซ์ เป็นการขอลดอัตราดอกเบี้ยให้จ่ายน้อยลง และทำให้ได้ระยะเวลาที่นานมากขึ้น พร้อมกับได้ยอดการจ่ายรายเดือนที่น้อยลงเช่นกัน
แต่การยื่นขอรีไฟแนนซ์นั้น จะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน เพราะหนี้และอัตราดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายนั้น คุ้มมากกว่าค่าธรรมเนียมที่จะเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการหรือไม่ เพราะบางรายที่ยื่นขอรีไฟแนนซ์ก็อาจจะทำให้เราเสียเงินเพิ่มมากกว่าเดิมได้เช่นกัน
5. ลดการขอสินเชื่อใหม่
เพราะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่การขอสินเชื่อใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ ก็จะทำให้เครดิตทางการเงินของเรานั้นดูไม่ดี เพราะมองได้ว่าผู้กู้นั้นมีปัญหาเรื่องเงิน ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดหนี้สูญเปล่าได้ ดังนั้นก็จะทำให้มีโอกาสสูงมากที่ทางสถาบันทางการเงินปล่อยสินเชื่อน้อยลง
แต่ถ้าอย่างนั้นเมื่อเรามีคะแนนเครดิตที่ดีก็แปลว่าเรามีพฤติกรรมใช้หนี้ที่ดี การชำระหนี้ให้ตรงเวลาตามที่ตกลงไว้ มีความน่าเชื่อถือทางการเงินสูง โอกาสที่เราจะขอสินเชื่อก็ง่ายไปด้วย