บัตรเครดิต เป็นบัตรที่ใช้แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าหรือบริการ ซึ่งจะเป็นรูปแบบที่ยังไม่ต้องชำระเงินในทันที ณ เวลานั้น ๆ ซึ่งจะจ่ายได้ทั้งร้านค้าทั่วไปและร้านค้าออนไลน์ และวิธีการสังเกตเครือข่ายของบัตรเครดิต ได้แก่ VISA, Master Card, China Union Pay (CUP) เป็นต้น และบัตรเครดิตมีสิทธิพิเศษอะไรนอกเหนือจากการจ่ายเงินสด หรือจ่ายเงินผ่านคิวอาร์โค้ดอีกมากมาย
ในแต่ละธนาคารก็จะมีรูปแบบสิทธิพิเศษที่แตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของการผ่อนชำระ 0% การสะสมคะแนนเพื่อแลกของรางวัล หรือจะเป็นการได้รับส่วนลดจากร้านค้า เป็นต้น สิทธิพิเศษเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับในช่วงเวลานั้น ๆ อีกด้วย ทั้งนี้ผู้ที่ถือบัตรเครดิตจะต้องติดตามสิทธิประโยชน์กับทางธนาคารสม่ำเสมอ
วิธีการสมัครบัตรเครดิต
การสมัครบัตรเครดิต มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ซึ่งจะต้องเลือกให้เหมาะสมและสอดคล้องกับรายได้และรูปแบบการใช้จ่ายเงินของตัวเราเอง
- ตรวจสอบเงื่อนไขของแต่ละธนาคารที่กำหนด เพราะบัตรเครดิตแต่ละใบ จะมีเงื่อนไขที่สมัครที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น อายุของผู้ทำบัตรเครดิต อายุการทำงาน ฐานเงินเดือนขั้นต่ำ เพราะทางธนาคารจพิจารณากับผู้ที่มีรายได้มั่นคงเป็นหลักก่อน เพราะฉะนั้น พนักงานประจำจะมีโอกาสสูงที่ทางธนาคารจะอนุมัติผ่าน
- ตรวจสอบประวัติเครดิตบูโรของตนเอง เพื่อเป็นการยืนยันว่าตัวเรามีประวัติทางการเงินที่ดี มีการชำระหนี้ครบ ตรงเวลา และมีหนี้สินจำนวนไม่มาก และจะต้องไม่ติดเครดิตบรูโร ก็จะมีโอกาสที่จะผ่านการอนุมัติบัตรเครดิตสูงมากยิ่งขึ้น
- กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และต้องชัดเจนถูกต้อง เพราะเอกสารการยื่นขอบัตรเครดิตนั้นมีให้กรอกจำนวนมาก ดังนั้นจะต้องเช็คความถูกต้องให้ดี และต้องกรอกให้ครบถ้วน หากมีการกรอกข้อมูลที่ผิดหรือไม่ครบถ้วน ก็จะทำให้การยื่นนั้นล่าช้ามากขึ้นหรือธนาคารอาจจะปฏิเสธในการยื่นขอบัตรเครดิต
- เตรียมเอกสารให้พร้อม
- สำเนาบัตรประชาชน
- หนังสือรับรองรายได้
- สลิปเงินเดือน Statement
- เอกสารอื่น ๆ ตามที่ธนาคารกำหนด
วงเงินบัตรเครดิต จะพิจารณาจากรายได้ต่อเดือน
- รายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 15,000 บาท แต่ไม่เกิน 30,000 บาท วงเงินอนุมัติ 1.5 เท่าของรายได้ต่อเดือน
- รายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท วงเงินอนุมัติ 3 เท่าของรายได้ต่อเดือน
- รายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป วงเงินอนุมัติ 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน
การเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต
- เพิ่มวงเงินบัตรเครดิตแบบถาวร การขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตแบบถาวร เพียงเราจะต้องกรอกคำร้องกับทางธนาคาร พร้อมกับเอกสารขอเพิ่มวงเงิน
เอกสารขอเพิ่มวงเงิน
- แบบฟอร์มขอเพิ่มวงเงิน
- สำเนาบัตรประชาชน
- เอกสารอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นในการจ่ายเงิน เช่น ใบแจ้งหนี้ ใบเสนอราคา ใบเสร็จรับเงิน
- เพิ่มวงเงินบัตรเครดิตแบบชั่วคราว เป็นวิธีที่ใช้สำหรับเวลาเราฉุกเฉินหรือจะต้องใช้เงินด่วน ซึ่งเราขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตได้ทันที แต่การขอเพิ่มวงเงินนั้นจะต้องเป็นผู้ถือบัตรเครดิตมาอย่างน้อย 6 เดือน และอายุการใช้งานของการเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตชั่วคราวเพียงแค่ 30 วันเท่านั้น
5 ขั้นตอนการชำระบัตรเครดิต
การจ่ายแต่ละเดือนจะต้องชำระขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 10% ของยอดค้างชำระทั้งหมด
- จ่ายตรงเวลา และครบตามจำนวน เป็นการชำระให้ตรงกับที่ตกลงไว้กับทางธนาคาร เพื่อจะทำให้เราได้ใช้ประโยชน์จากบัตรเครดิตสูงสุด และสำหรับบัตรเครดิตบางธนาคารก็จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยอีกด้วย
- จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ จ่ายตรงตามเวลา แต่ค่อย ๆ ผ่อนชำระตามแต่ละเดือน จะเป็นการคิดดอกเบี้ยแต่ที่ตกลง และผ่อนจนกว่ายอดหนี้บัตรเครดิตจะหมด
- จ่ายบัตรเครดิตเกินจำนวน และก่อนกำหนด ประเภทนี้ไม่มีดอกเบี้ยแน่นอน และเงินที่เราจ่ายเกินไปก็จะเป็นเพื่อที่จะหักเงินในครั้งถัดไปที่เราใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต
- จ่ายบัตรเครดิตช้ากว่ากำหนด ประเภทนี้จะถูกคิดดอกเบี้ยแน่นอน และจะไม่เป็นผลดีต่อประวัติทางการเงินของเราแน่นอน หากเรายังไม่รีบชำระเงิน ก็จะถูกปรับเป็นการคิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
- จ่ายบัตรเครดิตต่อไม่ไหว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะนอกจากจะทำให้เกิดผลเสียตามมาอีกนับไม่ถ้วน ทั้งประวัติการเงิน ก็จะส่งผลที่ทำให้เราจะยื่นขอเกี่ยวกับการเงินในอนาคตได้ยากมากขึ้น ดังนั้นเราก็ควรจะไปคุยกับทางธนาคารให้ดีว่ามีวิธีการอื่น ๆ ในการช่วยเหลือทางไหนบ้าง
คำแนะนำในการใช้บัตรเครดิต
จะต้องเลือกบัตรเครดิตให้เหมาะกับตนเอง เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด เพราะเราจะต้องคิดถึงอัตราค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตและสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต และในทุกครั้งก็จะต้องคิดให้ดีก่อนเพื่อประโยชน์ในการซื้อของ เช่น การได้ส่วนลด ได้สะสมคะแนนเพื่อแลกสิทธิพิเศษต่าง ๆ แต่ไม่ควรที่จะนำบัตรของเราไปรูดใช้จ่ายให้กับผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย และห้ามให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่นเด็ดขาด
ดังนั้นการใช้บัตรเครดิตจะต้องใช้อย่างระมัดระวัง และจะต้องอ่านสิทธิประโยชน์ เงื่อนไขในการชำระเงิน อัตราดอกเบี้ยที่จะต้องชำระต่อเดือน และระยะเวลาในการจ่ายรอบบิลที่ไม่มีดอกเบี้ย เพื่อทำให้เรามีประวัติทางการเงินที่ดี และสามารถทำให้ธนาคารเชื่อถือในตัวเราได้ว่าเราจะชำระหนี้สินในบัตรเครดิตได้ครบตามจำนวนที่เราได้ใช้จ่ายไปทั้งหมด