เงิน เป็นสิ่งที่ทำให้เราเลือกซื้อของ หรือแลกเปลี่ยนการบริการเพื่อให้เรามีความสุขมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลาย ๆ คนก็จะคิดว่าการจ่ายเงินนั้นจะซื้อความสุขไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วจะเป็นสิ่งที่เสริมสร้างความสุขเล็ก ๆ น้อย ให้กับชีวิตของเรา แต่กลับบางคนก็จะมองว่า เงินนั้นก็ซื้อความสุขไม่ได้เช่นกัน เพราะต่างมุมมอง ต่างความคิด ต่างสังคม ก็จะทำให้มีความเห็นออกมาต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายจะต้องทำให้เรามีความสุข จะต้องทำอย่างไร
เงินนั้นสามารถเลือกซื้อความสุขในชีวิตได้จริงหรือ
คำถามนี้คงจะได้ยินอยู่บ่อย ๆ แต่เพราะความแตกต่างรายได้ อยู่ในบริบทที่แตกต่างกัน จากผลวิจับของนักวิจัยแมธธิว คิลลิงวอร์ธ ที่เป็นผู้ศึกษาและสำรวจตามรายได้ของบุคคล ซึ่งพบว่า ความสุขที่เพิ่มสูงขึ้นจะสัมพันธ์กับรายได้ที่สูงขึ้น เพราะเมื่อเรามีเงินที่มากขึ้น ก็จะทำให้เรามีทางเลือกว่าการใช้ชีวิตที่หลายทางมากขึ้น สังเกตง่าย ๆ จากเหตุการณ์โรคระบาดโควิด 19 ที่ผ่านมา คนที่ใช้เงินแบบเดือนชนเดือนมาตลอด และจะต้องสูญเสียงานในช่วงเวลานี้ ก็จะสร้างความลำบากทั้งในเรื่องการเงิน ที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ในอนาคต อีกทั้งความสุขของชีวิตเรานั้นก็อาจจะหายไปเลยก็ได้
แล้วเราจะมีรายได้เท่าไรถึงจะมีความสุข

ไม่ว่าเราจะมีรายได้เท่าไรก็ตาม เราก็สามารถใช้ชีวิตให้มีความสุขได้เช่นกัน แต่จะต้องบริหารเงินให้เป็น เพราะการใช้เงินเกินตัวก็จะทำให้เราก่อหนี้สินและก็จะสร้างความทุกข์ขึ้นโดยไม่จำเป็นก็ได้ และเราจะต้องเข้าใจว่าเรานั้นมีนิสัยในการใช้จ่ายอย่างไร เช่น ชื่นชอบสินค้าและบริการที่การตามกระแส ชอบการท่องเที่ยว การออกไปพบปะเพื่อนฝูง หรือจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบอยู่คนเดียว เป็นต้น และจะทำให้เราคิดให้ถี่ถ้วนมากขึ้นว่าสิ่งของเหล่านี้ ซึ่งที่จะต้องซื้อนั้นจำเป็นต่อตัวเราจริงหรือไม่ หรือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของตัวเรา เป็นต้น หรือหากเป็นเชิงธุรกิจก็จะคิดสินค้าและบริการที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
เราจะแบ่งประเภทนิสัยของคนได้เป็น 5 ประเภท โดยจะแบ่งผ่านบุคลิกของนิสัยและอิงจากงานวิจัยที่ได้มีการอธิบายไว้
1. การเปิดประสบการณ์ใหม่ (Openness to Experience)
เป็นคนที่พร้อมจะเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือสินค้าและบริการใหม่ ๆ ทั้งในงานดนตรี การท่องเที่ยว การถ่ายภาพ งานอดิเรก เป็นต้น
สำหรับผู้ที่มีบุคลิกด้านนี้สูง ก็จะเป็นผู้ไวต่อความความรู้สึก มีจินตนาการ และชอบใช้สติปัญญาอย่างมาก
แต่กลับผู้ที่มีบุคลิกที่ต่ำ จะชอบความคิดตามประเพณีเดิม แบบอนุรักษ์นิยม ซึ่งจะไม่สนใจด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์มาก
2. การมีจิตสำนึก (Conscientiousness)
เป็นผู้ที่มีระเบียบวินัยและมีความรับผิดชอบสูงมาก พร้อมกับการรู้จักหน้าที่ของตัวเอง มีการเป้าหมายและแรงจูงใจ เพื่อทำให้สำเร็จ เช่น การทำประกัน สุขภาพ การทำบัญชี เป็นต้น
บุคคลที่มีบุคลิกด้านนี้สูง มักจะเป็นผู้ที่มีการวางแผนล่วงหน้า มีการควบคุมของการกระทำของตนเองและกำหนดความต้องการในการแสดงอย่างเหมาะสม ซึ่งมักจะถูกมองจากคนรอบข้างว่าเป็นคนฉลาด เชื่อถือได้
ส่วนบุคคลที่บุคลิกด้านนี้ที่ต่ำ ก็จะไม่มีเป้าหมายในชีวิต ดูไม่น่าเชื่อถือ
3. การเปิดตัว (Extraversion)
เป็นผู้ที่ชอบเข้าสังคม ชอบการพูดคุยกับผู้อื่น มีลักษณะในการเปิดเผยตัวตน ซึ่งจะมีนิสัยร่าเริง มองโลกในแง่ดี และจะชอบสินค้าและบริการประเภทความบันเทิง การท่องเที่ยว กีฬา การทานอาหารนอกบ้าน เป็นต้น
บุคคลที่มีลักษณะตรงข้ามกับข้อนี้ เรียกว่า Introvert ที่ไม่ชอบการเข้าสังคม ชื่นชอบที่จะอยู่คนเดียว
4. ความเป็นมิตร (Agreeableness)
เป็นบุคคลที่ชอบที่จะทำตามผู้อื่น ให้กลืนไปกับสังคม เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นก่อนเสมอ มองโลกในแง่ดี มีความซื่อสัตย์ใจดี เป็นกันเองและไว้วางใจได้ ซึ่งจะชื่นชอบประเภทองค์กรการกุศล ร้านกาแฟ งานฝีมือ การจัดดอกไม้ เป็นต้น
5. ความไม่มั่นคงทางอารมณ์ (Neuroticism)

เป็นบุคคลที่มีความวิตกกังวล มีความบกพร่องในการปรับอารมณ์ขอบบุคคล ซึ่งจะทำให้เกิดสภาวะความเครียดทางจิตใจ และมีความหวั่นไหวทางอารมณ์สูงมาก ซึ่งจะเป็นประเภทพนัน โรงแรม ค่าปรับต่าง ๆ
ซึ่งบุคคลที่มีบุคลิกทางด้านนี้สูง จะมีแนวโน้มขาดเหตุผล และเผชิญความเครียดได้น้อยกว่า
แต่บุคคลที่มีบุคลิกทางด้านนี้ต่ำ จะเป็นผู้ที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ เป็นผู้ที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ทางบวกมากขึ้น
ซึ่งเรามาดูทั้ง 5 ประเภทของบุคลิกของผู้ซื้อแล้ว ก็จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า เงินนั้นสามารถซื้อความสุขได้จริง ๆ หรือไม่ ก็จะต้องเข้าใจก่อนว่า และทำให้เรารู้ว่าสินค้าและบริการแบบไหนที่จะเหมาะหรือไม่เหมาะกับคนบุคลิกแบบไหน ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและหลีกเลี่ยงสินค้าและบริการที่จะทำให้ลูกค้านั้นเกิดความไม่พอใจขึ้นได้
ดังนั้นเราดูมาถึงตรงนี้แล้ว การใช้จ่ายอย่างไรให้มีความสุขนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับการบริหารตัวเงินของเราให้มีรายรับมากกว่ารายจ่ายเสมอ รวมไปถึงจะต้องเข้าใจลักษณะนิสัยของตัวเราให้ดี มิฉะนั้นก็จะสร้างหนี้และสร้างความทุกข์ให้กับตัวเราโดยไม่จำเป็น