การที่เราจะตัดสินใจเลือกซื้อคอนโด ก็จะต้องพิจารณาหลายอย่าง ทั้งเรื่องของราคา ที่ตั้งทำเล ความสะดวกสบายในการเดินทาง เพราะสิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลต่อราคาของอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก ยิ่งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้กับรถไฟฟ้ามากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ราคาสูงมากขึ้น และคอนโดหลาย ๆ แห่งก็มีหลายรูปแบบ ทั้งความสูง ขนาดพื้นที่ บางห้องก็มี 2 ชั้น และสิ่งที่ควรจะคำนึงก่อนจะเลือกซื้อคอนโด ก็คือค่าส่วนกลาง ที่ทางคอนโดจะมีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย รวมไปถึงความปลอดภัยภายในคอนโด และที่จอดรถ
ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดนั้น ก็จะต้องคำนึงสิ่งเหล่านี้
1. “ซื้อคอนโด” แบบพร้อมอยู่ ต่างกัน คอนโด Pre – Sale อย่างไร
ทั้ง 2 คำนี้แตกต่างกันอย่างชัดเจน
คอนโดพร้อมอยู่ ก็คือคอนโดที่สร้างเสร็จแล้ว พร้อมลากกระเป๋าเข้าอยู่ ซึ่งถ้าเราสนใจซื้อสักห้องหนึ่งก็จ่ายค่าจอง และดำเนินการขอสินเชื่อ เมื่อขอสินเชื่อผ่าน ทางคอนโดก็จะตรวจห้องเพื่อให้เจ้าของรับห้อง และโอนกรรมสิทธิ์
ซึ่งคอนโดพร้อมอยู่จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการขนย้ายบ้าน หรือผู้ที่ต้องการอยากจะเปลี่ยนค่าเช่าห้องเป็นเงินที่เรานำมาผ่อนคอนโดมิเนียม เพื่อให้มาเป็นของตนเอง และถ้าเป็นคอนโดที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบ ก็จะเหมาะกับคนวัยทำงานที่ไม่มีเวลาออกไปซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือหาเวลาแบบแต่งห้องมาก ๆ เพราะเพียงแค่ย้ายของใช้ส่วนตัวเข้ามาก็พร้อมอยู่เลย
ข้อเสียของคอนโดพร้อมอยู่ เพราะเราจะไม่ค่อยมีตัวเลือกมากนัก หรืออาจจะเป็นโครงการที่เปิดขายมานานมากแล้ว แต่ยังขายไม่หมด ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่วันจองไปจนถึงวันโอนกรรม์สิทธิ์นั้นมีระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้น ส่วนใหญ่นั้นจะไม่เกิน 90 วัน ที่เมื่อเราจะต้องเตรียมค่าจอง ค่าใช้จ่ายสำหรับวันโอนกรรม์สิทธิ์ ซึ่งทางธนาคารนั้นก็จะให้วงเงินกู้ 90% และจะต้องจ่ายเอง 10% ก็จะทำให้เรานั้นอาจจะเตรียมตัวไม่ทัน
คอนโด Pre – Sale ก็จะเป็นคอนโดมิเนียมที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่จะเป็นการเปิดขายระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งผู้ที่ซื้อจะเห็นจากโมเดลตึก ภาพ 3D หรือแปลนห้องเพื่อเป็นข้อมูลก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อ แต่หลังจากจองเสร็จก็จะต้องรอเวลา 1 -2 ปีเพื่อให้โครงการก่อสร้างเสร็จถึงจะทำให้เราเข้าอยู่ได้ ซึ่งข้อดีในการซื้อคอนโดประเภทนี้ก็จะได้รับประกันว่าจะได้ห้องใหม่แน่นอน ได้ราคาที่ถูกมากกว่า
ระหว่างรอให้โครงการสร้างเสร็จ เราก็จะสามารถเคลียร์หนี้สินที่มีอยู่ ทำให้สถานะทางการเงินของเราน่าเชื่อถือ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ทางธนาคารก็จะได้เงินกู้อยู่ 85% ของราคาห้อง และอีก 15% ก็จะเป็นเงินดาวน์ที่จะต้องหามาจ่ายกับทางโครงการถึงจะโอนกรรม์สิทธิ์ได้
ข้อเสียของคอนโด Pre – Sale จะสามารถผ่อนดาวน์กับทางโครงการได้ระหว่างรอคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จ แต่ในเวลาที่เราจะต้องผ่อนเงินดาวน์ เราก็จะต้องจ่ายค่าเช่าห้องเดิมด้วย ซึ่งก็จะเป็นภาระทั้ง 2 ทาง ซึ่งจะต้องประเมินว่าเราสามารถแบกรับภาระตรงนี้ไหวหรือไม่
2. “ซื้อคอนโด” ห้อง Simplex ห้อง Loft หรือ ห้อง Duplex ดี
ทั้ง 3 ห้องนี้จะมีความแตกต่างกันอย่างมาก และใน 1 โครงการก็จะมีห้องให้เราเลือกหลายขนาด หลายรูปแบบอย่างมาก
คอนโดห้อง Simplex จะเป็นคอนโดที่เราเห็นกันอยู่ทั่ว ๆ ไป ซึ่งจะเป็นห้องที่สูงจากพื้นจนถึงเพดานประมาณ 2.6 – 2.7 เมตร
คอนโดห้อง Loft จะเป็นห้องที่มีเพดานสูงถึง 4 เมตรขึ้นไป ซึ่งห้องประเภทนี้จะมีชั้นลอยที่มีขนาดเล็กกว่าพื้นที่ชั้นแรก เช่น ชั้นล่างขนาด 40 ตารางเมตร แต่พื้นที่ของชั้นลอยมีขนาด 15 ตารางเมตร
คอนโดห้อง Duplex จะเป็นห้องที่มีเพดานสูง 5 เมตรขึ้นไป และมีลักษณะคล้ายบ้าน 2 ชั้น ซึ่งชั้นบนและชั้นล่างจะมีความสูงของเพดานเท่ากัน และก็จะมีราคาที่สูงกว่าแบบอื่น ๆ ทั้งค่าพื้นที่ส่วนกลาง ค่าห้อง เป็นต้น
3. ราคาแบบไหนที่จะเรียกว่าเป็นคอนโดหรู
การจะเลือกซื้อคอนโดนั้น ราคาเป็นอันดับต้น ๆ เลยที่จะบ่งบอกความหรูหราของโครงการ ซึ่งจะประกอบด้วยทั้งทำเล วัสดุตกแต่ง พื้นที่ส่วนกลาง ความหนาแน่นของจำนวนห้องในโครงการ ซึ่งเราจะแบ่งออกมาเป็นทั้ง 7 แบบ ได้แก่
- Super Economy Class ราคาต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางเมตร
- Economy Class ราคา 50,000-70,000 บาท/ตารางเมตร
- Main Class ราคา 70,000-100,000 บาท/ตารางเมตร
- Upper Class ราคา 100,000-150,000 บาท/ตารางเมตร
- High Class หรือ High End ราคา 150,000-200,000 บาท/ตารางเมตร
- Luxury Class ราคา 200,000-300,000 บาท/ตารางเมตร
- Super Luxury Class ราคา 300,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป
4. “ซื้อคอนโด” พื้นที่ส่วนกลางสำคัญแค่ไหน
เราห้ามมองข้ามเรื่องพื้นที่ส่วนกลางเลย เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกเบื้องต้น ตัวอย่างเช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสีเขียว ระบบดูแลรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราอาจจะมองข้ามไปได้ แต่เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการใช้ชีวิตอยู่ในคอนโด
ทั้งหมดนี้ข้อควรรู้ก่อนที่เราจะซื้อคอนโด เราจะต้องคำนึงไม่ว่าจะเป็นราคา ทำเลที่ตั้ง สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด ก็จะประกอบการตัดสินใจ เพื่อทำให้ตรงกับความต้องการของตัวเรามากที่สุด และนอกจากนี้ก็จะต้องเหมาะสมกับสถานะทางการเงินของตัวเราอีกเช่นกัน มิเช่นนั้น เราก็จะกลายเป็นการสร้างภาระทางการเงินที่หนักจนเกินไปก็ได้ และสุดท้ายก็อาจจะทำให้ประวัติทางการเงินเสียเลย